เชฟรอน-คีนัน ผนึก!12 กลุ่มมหาวิทยาลัย สร้างเครือข่ายคนต้นน้ำ ขับเคลื่อนสู่ไทยแลนด์ 4.0

เชฟรอน-คีนัน ภายใต้โครงการ Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต จับมือ 12 กลุ่มมหาวิทยาลัย ร่วมเป็นเครือข่ายพันธมิตรยกระดับสะเต็มศึกษา พัฒนา “คนต้นน้ำ” ตั้งแต่ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูพี่เลี้ยง ครูประจำการ และครูฝึกสอน พร้อมจัดตั้ง STEM HUB 12 แห่ง เพื่อเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนการเรียนรู้รูปแบบใหม่ ตอบโจทย์การสร้างบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ และตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ตามยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0

ทั้งนี้ รศ.นพ.โศภณ นภาธร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงความร่วมมือดังกล่าวว่า ปัจจุบันการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ เป็นความท้าทายของประเทศในการเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการศึกษาของประเทศ เพื่อพัฒนาทักษะเด็กไทยให้ก้าวทันความก้าวหน้าของเทคโนโลยี      

ซึ่งหนึ่งในนโยบายสำคัญตามที่ภาครัฐได้กำหนดคือ “มหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง” เพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ และพัฒนาครูของโรงเรียนทุกระดับการศึกษา รวมทั้งชุมชน ดังนั้น การลงนามความร่วมมือระหว่าง 12 กลุ่มมหาวิทยาลัย กับโครงการ Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการดำเนินตามแนวทาง “รัฐร่วมเอกชน” ของรัฐบาล และเป็นการวางรากฐานพัฒนาการศึกษารูปแบบใหม่ เพื่อยกระดับสะเต็มศึกษาที่สอดคล้องกับนโยบายของ ศธ.

ด้านนายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวเสริมว่า การลงนามความร่วมมือดังกล่าว เป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรสะเต็มศึกษาที่เข้มแข็ง เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานที่มีทุนด้านทรัพยากรบุคคลและทุนทางสังคมสูง การเข้ามาเป็นหลักในการระดมความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชนและท้องถิ่น จึงถือเป็นการพัฒนา “คนต้นน้ำด้านการศึกษา” ครอบคลุมตั้งแต่ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูพี่เลี้ยง ครูประจำการ และครูฝึกสอน

ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและยกระดับการเรียนการสอนด้านสะเต็มศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งหัวใจสำคัญคือ การบูรณาการความคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา เพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตาม “ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0”  

โดยความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขในขณะนี้ คือการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ หรือการสร้างความเท่าเทียมระหว่างสถานศึกษาขนาดใหญ่ โรงเรียนขยายโอกาส และโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งรูปแบบ “รัฐร่วมเอกชน” จะสามารถตอบโจทย์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำแต่ละพื้นที่ได้อย่างตรงจุด เพราะการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนคงไม่สามารถผลักให้เป็นหน้าที่ภาครัฐฝ่ายเดียวได้ จึงเป็นที่มาความร่วมมือกับ 7 องค์กรภาครัฐ และภาคีเครือข่ายด้านการศึกษาในการดำเนินโครงการ Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต

นายไพโรจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการฯที่ผ่านมา 2 ปี ได้รับความร่วมมือจากองค์กรและหน่วยงานการศึกษาในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี กระทั่งปัจจุบันได้จัดตั้งศูนย์สะเต็ม (STEM HUB) แล้ว 5 แห่ง คือ ที่จังหวัดสงขลา สมุทรปราการ ขอนแก่น เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช โดยมีแผนจะขยายอีก 7 แห่งจนครบตามเป้าหมาย 12 แห่ง ภายในปีที่ 3 นี้

ขณะที่นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานสถาบันคีนันแห่งเอเซีย กล่าวว่า ผลจากการตั้งศูนย์สะเต็มทำให้วันนี้เริ่มเกิดการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ ที่ขับเคลื่อนโดยมีศูนย์สะเต็มผสานกับมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยงสู่โรงเรียนแม่ข่าย และลูกข่าย ช่วยกระตุ้นให้เกิดการติดตาม ประเมินผล และแบ่งปันองค์ความรู้ระหว่างกันขึ้น

เห็นได้จากที่ครูเริ่มมีการแบ่งบทบาทหน้าที่แลกเปลี่ยนวิธีใช้หลักสูตรและอุปกรณ์ ขณะที่มหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง ซึ่งเป็นจุดตั้งศูนย์สะเต็ม ก็เข้ามาสนับสนุนแนะนำการสอนเพิ่มเติม ทำให้สร้างการมีส่วนร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาท้องถิ่น พร้อมกับการกระตุ้นให้ครูปรับการเรียนการสอนให้เด็กเกิดความสนุกและคิดเป็นมากขึ้น

“เป้าหมายโครงการนี้ ไม่ได้มุ่งพัฒนาเด็กให้เก่งแบบเป็นเลิศเฉพาะกลุ่ม แต่มุ่งยกระดับการศึกษาในภาพรวม โดยเฉพาะโรงเรียนขยายโอกาสและโรงเรียนขนาดเล็ก พร้อมสร้างความยั่งยืนในการพัฒนาครูและเครือข่ายโรงเรียนให้เข้มแข็ง เพื่อให้เด็กและเยาวชนเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริง ซึ่งเชื่อว่าเมื่อสิ่งเหล่านี้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ จะมีส่วนช่วยพัฒนาคนให้ตอบโจทย์ประเทศที่กำลังก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0” นายปิยะบุตรกล่าว