ผลโพล! “ครู” คว้าอันดับหนึ่งอาชีพในฝันเด็กไทย แซง “คุณหมอ” แชมป์ 7 สมัย


กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ประเทศไทย เผยผลสำรวจ “อาชีพในฝันของเด็กไทย” ครั้งที่ 8 ปี 2560 จากการสอบถามเด็กไทยอายุระหว่าง 7-14 ปี พบว่าอาชีพครูมาแรงแซงอาชีพแพทย์ ที่ครองแชมป์อย่างต่อเนื่องตลอด 7 ปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ตกไปอยู่ในอันดับสอง ส่วนอาชีพที่เด็กๆ คิดว่าเท่ที่สุดคือ ทหาร สำหรับไอดอลในดวงใจของเด็กไทย ยังคงเป็นคุณพ่อคุณแม่

กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ประเทศไทย เผยผลการสำรวจอาชีพในฝันของเด็กไทยประจำปี 2560 พบว่า อาชีพครูได้รับเลือกขึ้นครองอันดับหนึ่งอาชีพในฝันของเด็กไทย โดยเด็กส่วนใหญ่ให้เหตุผลที่อยากเป็นคุณครู เพราะอยากมอบ ส่งต่อ แบ่งปันความรู้ให้เด็กๆ และสอนให้เด็กเป็นคนดี

ส่วนแชมป์ 7 สมัยอย่างอาชีพหมอ ตกลงไปอยู่อันดับสอง โดยมีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่างกันมากนัก อาชีพในฝันอันดับรองลงมาคือ ทหาร นักกีฬา และตำรวจตามลำดับ

ซึ่งปีนี้เทรนด์อาชีพนักกีฬายังคงแรงต่อเนื่องติดอันดับ 1 ใน 5 โดยเด็กๆ อยากเป็นนักกีฬา เพราะมีพื้นฐานมาจากความชอบเป็นส่วนใหญ่ ทั้งยังได้ออกกำลังกายและมีรายได้ดี 

นอกจากนี้ ยังมีเด็กหลายคนที่อยากประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพราะอยากดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทและพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมถึงอยากรับราชการ เพราะอยากเป็นทหารของพระราชาอีกด้วย

อีกทั้งในปีนี้ ยังมีหลายอาชีพใหม่ๆ ที่เด็กไทยให้ความสนใจ เช่น อนิเมเตอร์ นักออกแบบและสร้างภาพการ์ตูนแบบเคลื่อนไหว เพราะชอบดูการ์ตูน, นักแคสเกม ผู้ที่นำเกมมาทดสอบหรือเล่นและอัดคลิปวิดีโอให้ผู้ชมดูผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Youtube เพราะชอบเล่นคอมพิวเตอร์

เด็กบางคนอยากทำงานกู้ภัย เพราะเป็นอาชีพที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือประชาชน ในขณะที่เด็กคนอื่นฝันอยากเป็น CEO ของบริษัทระดับโลก เพราะยังไม่เคยเห็นนักธุรกิจไทยติดอันดับโลก จึงอยากทำให้ได้ เพื่อให้ชาวต่างชาติรู้ถึงศักยภาพคนไทยว่า ไม่แพ้ชาติใดในโลก

เมื่อถามถึงอาชีพที่คิดว่า เท่ที่สุดหรือดีที่สุด อันดับหนึ่งคือ อาชีพทหาร รองลงมาคือ ตำรวจ แพทย์ นักฟุตบอล และคุณครู ตามลำดับ ในปีนี้คำตอบของเด็กๆ ค่อนข้างหลากหลาย เช่น อาชีพในฝันเป็นคุณครู แต่อาชีพที่คิดว่าเท่ที่สุดคือทหาร หรืออาชีพในฝันคือทหาร แต่กลับคิดว่าอาชีพที่เท่ที่สุดคือนักฟุตบอล แต่ยังมีบางส่วนที่คำตอบสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน เช่น อาชีพในฝันคือนักกีฬา อาชีพที่เท่ที่สุดคือนักฟุตบอล

ด้านเงินเดือนที่เด็กๆ อยากได้มากที่สุดคือ 15,000-30,000 บาท โดยเงินเดือนสูงสุดที่อยากได้คือ 90,000,000 บาท เงินเดือนต่ำที่สุดที่อยากได้คือ 0 บาท ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า หากเด็กๆ ได้ทำในสิ่งที่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบเงินเดือนมาก แต่จะได้เป็นความสุขใจที่ได้ทำในสิ่งที่รักตอบแทน

สิ่งที่เด็กๆ อยากทำหากได้เป็นนายกรัฐมนตรี คือ พัฒนาประเทศชาติ ช่วยเหลือประชาชน ช่วยเหลือคนยากจน และปฏิรูปการศึกษา เด็กหลายคนบอกว่า จะให้เรียนหนังสือฟรีและรักษาโรคฟรี โดยคำตอบของเด็กส่วนใหญ่นั้นล้วนมุ่งไปตอบโจทย์เดียวกัน นั่นคืออยากให้ประชนชนชาวไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับไอดอลในดวงใจของเด็กไทยอันดับหนึ่งคือ คุณพ่อคุณแม่ โดยให้เหตุผลว่า คุณพ่อคุณแม่เป็นคนดีคนเก่งที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก และช่วยสอนให้เป็นคนดี ไอดอลในดวงใจของเด็กๆ อันดับสอง คือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย โดยให้เหตุผลว่าพระองค์ทรงเป็นผู้มีพระปรีชาสามารถ อุทิศตนพื่อช่วยเหลือประชาชน และเป็นแบบอย่างที่ดี

นอกจากนี้ ไอดอลในดวงใจเด็กไทยอันดับสาม คือ คริสเตียโน โรนัลโด นักฟุตบอลสโมสรเรอัลมาดริด และทีมชาติโปรตุเกส ตามด้วยเบิ้ล ปทุมราช นักร้องและนักแต่งเพลงลูกทุ่งผู้มากความสามารถ, ลิโอเนล เมสซี่ นักฟุตบอลชื่อดังระดับโลก ทีมชาติอาร์เจนตินา ตามลำดับ

ส่วนวิชาเรียนที่เด็กๆ ชื่นชอบมากที่สุด คือ วิชาคณิตศาสตร์ ได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือวิชาพลศึกษา ภาษาไทย คอมพิวเตอร์ และวิชาภาษาอังกฤษ

ด้านกิจกรรมวันหยุดที่เด็กๆ ส่วนใหญ่ชอบทำ คือการเล่นในวันหยุด ไม่ว่าจะเป็น เล่นเกม เล่นฟุตบอล เล่นกับเพื่อน รองลงมาคือชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยว เล่นโทรศัพท์ และดูโทรทัศน์ ซึ่งจากคำตอบของเด็กๆ ในปีนี้ ได้เห็นเทรนด์ของเทคโนโลยีที่ทำให้เด็กๆ สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนตั้งแต่อายุยังน้อย คุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ง่าย

ทั้งนี้ คุณธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค-ไทยและเวียดนาม กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ประเทศไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจอาชีพในฝันของเด็กไทยปี 2560 พบว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่อาชีพในฝันของเด็กไทยเปลี่ยนจากแพทย์ที่ครองอันดับหนึ่งมาถึง 7 ปี กลายมาเป็นอาชีพครู โดยเห็นแนวคิดของเด็กๆ ที่ต้องการถ่ายทอดความรู้และมุ่งมั่นที่จะสอนให้ผู้อื่นเป็นคนดี

“สอดคล้องไปกับคำตอบของเด็กๆ ที่ว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากจะช่วยเหลือประชาชนแล้ว ยังอยากจะพัฒนาการศึกษาและให้เรียนฟรี แสดงให้เห็นว่าเด็กไทยเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับการศึกษา ดังนั้น ทั้งภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือกันพัฒนาด้านการศึกษาควบคู่ไปกับจริยธรรม เพื่อให้เด็กไทยทั้งเก่งและเป็นคนดี ซึ่งนับเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตที่ยังยืนของประเทศไทย” ผอ.ส่วนภูมิภาค-ไทยและเวียดนาม กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ประเทศไทย กล่าว

สอบถามเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย โทร.0-2832-3399