นายอดินันท์ ปากบารา เลขาธิการคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กช.ได้เห็นชอบร่างประกาศเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกู้ยืมเงินกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ ด้านการก่อสร้าง หรือซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ และการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนตามหลักสูตร ซึ่งร่างประกาศฉบับใหม่ได้กำหนดหลักทรัพย์ค้ำประกันจากเดิมไม่เกินร้อยละ 50 ของวงเงินที่ขอกู้ยืม เหลือเพียงร้อยละ 15 และยังให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในพื้นที่ภาคใต้สามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนนี้โดยไม่คิดดอกเบี้ย เชื่อว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้โรงเรียนเอกชนมีความเข้มแข็งในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กช.ยังได้เห็นชอบร่างปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดมาตรการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนเอกชนเป็นเงินอุดหนุนรายบุคคล โดยได้กำหนดเพิ่มรายการเงินอุดหนุนรายบุคคล ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในอัตราจำนวนเงิน 16,701.50 บาทต่อคนต่อปี เนื่องจากโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนในปัจจุบันได้จัดการเรียนการสอนในสาขาวิชาดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่มีอัตราเงินอุดหนุนของประเภทวิชานี้รองรับ รวมทั้งยังเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคล ระดับ ปวช. สำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชนการกุศล และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามของมัสยิดหรือมูลนิธิ ได้แก่ ช่างอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน 22,492.50 บาทต่อคนต่อปี, พาณิชยกรรม ศิลปหัตถกรรม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จำนวน 18,972.50 บาทต่อคนต่อปี, เกษตรกรรม และประมง จำนวน 19,892.50 บาทต่อคนต่อปี และคหกรรม จำนวน 16,222.50 บาทต่อคนต่อปี
ทั้งนี้ จะเสนอ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป