สภานโยบายการอุดมศึกษาฯ เคาะกรอบวงเงินงบประมาณด้าน ววน.ปี'65 ที่ 24,400 ลบ. เพิ่มขึ้น 22.50 % จากปี'64 ตั้ง “ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์” ประธานพิจารณากองทุน พร้อมเห็นชอบแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. 2564-2570 เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสังคมไทยที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อและสนับสนุนต่อการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ
ขณะเดียวกันมีมติให้มี “วิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ TASSHA” ขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาบุคลากรด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ของประเทศ
ทั้งนี้ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ในฐานะเลขานุการและดูแลงานวิชาการสภานโยบาย จัดการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2563 ที่ห้องประชุม 202 อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563
มีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำหน้าที่รองประธานที่ประชุม
นายดอนกล่าวว่า การประชุมสภานโยบายครั้งที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ สอวช. ไประดมสมองภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อมาวิเคราะห์ จัดทำแนวทางการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กและเยาวชนควบคู่กับการจัดการศึกษาปกติ เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และวิถีชีวิต
ดังนั้น ทักษะจึงจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันและอนาคตให้กับเด็กและเยาวชน เช่น ทักษะด้านภาษา ด้านการใช้เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่น ความคิดริเริ่มอย่างสร้างสรรค์ ความอดทน และความสามารถในการปรับตัว เป็นต้น
"นอกจากการพัฒนาทักษะสำหรับศตวรรษที่ 21 ควรมีการเพิ่มเติมคุณลักษณะที่พึงประสงค์บางประการสำหรับสังคมไทย อาทิ คุณธรรม จริยธรรม ความรับผิดชอบ ความมีจิตสาธารณะ ระเบียบ วินัย ความมีสมาธิ และภูมิคุ้มกันทางใจ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขในสังคมด้วย"
ด้าน ศ.ดร.เอนกกล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้เสนอกรอบวงเงินงบประมาณด้าน ววน.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จำนวน 24,400 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับงบประมาณ ววน.เมื่อปีงบประมาณ 2564 ที่ได้รับจำนวน 19,917 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้น 22.50% หรือ 4,483 ล้านบาท
โดยในปีงบประมาณ 2565 ได้กำหนดสัดส่วนงบประมาณระหว่างทุนสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์ (Strategic Fund) ต่อ ทุนสนับสนุนงานพื้นฐาน (Fundamental Fund) อยู่ที่ 60:40 และได้กำหนดแนวทางการบริหารงบประมาณแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ เช่น มีการจัดสรรงบประมาณแบบวงเงินรวม (Block Grant) ต่อเนื่องแบบหลายปี (Multi-year Budgeting) มีการพิจารณาผลการทำงานแต่ละแพลตฟอร์มของปีที่ผ่านมาและมีการจัดลำดับความสำคัญ (Priority)
ซึ่งที่ประชุมสภานโยบายได้มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณและแนวทางการบริหารงบประมาณดังกล่าว โดยฝ่ายเลขานุการจะดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ ได้มีมติแต่งตั้งศาสตราจารย์ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ เป็นประธานกรรมการพิจารณางบประมาณด้าน ววน.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เพื่อทำหน้าที่พิจารณาคำของบประมาณของกองทุน
“ภายใต้กรอบงบประมาณด้าน ววน.ประจำปีงบประมาณ 2565 ที่มีแผนงานต่อเนื่องใน 4 แพลตฟอร์ม และโปรแกรมการปฏิรูประบบ ววน.ตามแผนด้าน ววน.พ.ศ.2563-2565 (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งประกอบด้วย แพลตฟอร์มที่ 1 การพัฒนากำลังคน ยกระดับสถาบันความรู้ และระบบนิเวศด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
แพลตฟอร์มที่ 2 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทายของสังคม แพลตฟอร์มที่ 3 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งยกระดับการพึ่งพาตนเองในระดับประเทศ และแพลตฟอร์มที่ 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ และยังคงเพิ่มโปรแกรมการแก้ไขปัญหาวิกฤตเร่งด่วนของประเทศ
โดยมีตัวอย่างแผนงานใหม่ที่น่าสนใจ เช่น 1.แผนงานธรรมาภิบาลการบริหารจัดการภาครัฐและลดคอรัปชั่น 2.แผนงานด้านนวัตกรรมเพื่อพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต 3.แผนงานด้านสุวรรณภูมิศึกษา 4.แผนงานด้านการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ และ 5.แผนงานด้าน Open Society
"ซึ่งการดำเนินงานภายใต้กรอบงบประมาณมุ่งเน้นให้สอดคล้องกับการตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ และมุ่งผลลัพธ์ในการสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง ทั้งเยาวชนและประชาชนทั่วไป นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย แรงงานและผู้ประกอบการในอนาคต บัณฑิต Smart Farmers SMEs ผู้ประกอบการ Startups วิสาหกิจชุมชน ภาคเอกชน ภาคครัวเรือน ตลอดจนชุมชน เป็นต้น” รมว.อว. กล่าว
ขณะที่ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาหารือและได้มีมติเห็นชอบในหลักการพร้อมได้มอบหมายให้ อว.ดำเนินการ คือโครงการจัดตั้งวิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ TASSHA (Thailand Academy of Social Sciences, Humanities and Arts) ที่ อว.นำเสนอให้จัดตั้งขึ้น
เพราะเห็นความสำคัญของระบบและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการวิจัยสาขาสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และการบูรณาการองค์ความรู้แบบสหวิทยาการซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ซึ่งจะนำมาสู่การแก้ปัญหาแบบองค์รวม การสร้างเทคนิค องค์ความรู้ การพัฒนางานวิจัยใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันและอนาคต
"TASSHA จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาบุคลากรด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ของประเทศ และนำไปสู่การสร้างคุณค่าและผลประโยชน์ของชาติ เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการเชื่อมโยงประเทศไทยเข้ากับภูมิภาคและโลกต่อไป"
ทางด้าน ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผอ.สอวช. กล่าวว่า ในที่ประชุมสภานโยบายฯยังได้ให้ความเห็นชอบต่อแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. 2564-2570 เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ โดยแผนดังกล่าวได้จัดทำขึ้นโดย อว. และได้ผ่านความเห็นชอบในหลักการในที่ประชุมคณะกรรมการการอุดมศึกษา ที่ประชุมสภานโยบายฯ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และที่ประชุมสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อีกทั้งคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ประกาศใช้แผนดังกล่าวต่อประชาคมอุดมศึกษา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แผนฯดังกล่าวมีวิสัยทัศน์คือ “อุดมศึกษาสร้างคน สร้างปัญญา เพื่อพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน” ประกอบด้วยประเด็นยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาศักยภาพคน (Capacity Building), ยุทธศาสตร์ที่ 2 การส่งเสริมระบบนิเวศวิจัยอุดมศึกษา (Research Ecosystem Building) และยุทธศาสตร์ที่ 3 การจัดระบบอุดมศึกษาใหม่ (Higher Education Transformation)
แผนดังกล่าวนี้จะนำไปสู่การพัฒนาสังคมไทยที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อและสนับสนุนต่อการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ เกิดการพัฒนาคนไทยให้เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสำหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 21 ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และส่งเสริมความโปร่งใสในภาครัฐให้ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
การดำเนินงานต่อจากนี้ จะมีการถ่ายทอดแผนดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติในสถาบันอุดมศึกษา และจะมีการใช้แผนดังกล่าวเป็นกรอบกำหนดทิศทางของนโยบาย แผน ยุทธศาสตร์และแนวทางปฏิบัติในด้านการอุดมศึกษา และใช้จัดทำงบประมาณด้านการอุดมศึกษา และนำไปสู่การจัดทำกฎกระทรวง หลักเกณฑ์ มาตรการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนแผน
"ทั้งนี้ คณะกรรมการการอุดมศึกษา และคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษาจะติดตามประเมินผลตามเป้าหมายและทิศทางที่ได้กำหนดไว้ในแผน เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนเกิดประสิทธิผลต่อไป" ผอ.สอวช. กล่าว
(โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว)