พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ เนื้อหนึกนุ่ม มวลสารชัด และวรรณะเนื้อสีขาวนวล ใครเห็นก็สะดุดตา ชวนมอง ยิ่งส่องยิ่งหลงใหล
พระสมเด็จชุดนี้ เนื้อมวลสารลักษณะนี้ พ่อผู้เขียนมีสะสมอยู่ประมาณหนึ่ง เพราะความหนึกนุ่ม นวลตา และเห็นมวลสารได้ชัดเจน โดยไม่ต้องส่องกล้องกำลังขยายสูง ทำให้พระสมเด็จชุดนี้สวยงามและดูนุ่มนวล
พ่อผู้เขียนบอกว่า พระสมเด็จเนื้อลักษณะแบบนี้ได้มาจากคุณยายที่สามีเป็นทหารและเก็บสะสมพระสมเด็จไว้เป็นจำนวนมาก จุดตัดสินใจนอกจากความนุ่มนวล และเห็นมวลสารชัดเจนแล้ว ยังมีความ “ยุบ แยก ย่น หด เหี่ยว แห้ง” เข้าแนวทางของ อาจารย์ไพศาล มุสิกะโปดก ผู้ชำนาญการธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์ และวิทยาศาสตร์พระสมเด็จ ที่พ่อผู้เขียนได้ศึกษาเป็นแนวทาง
พิมพ์ใหญ่ หรือ พิมพ์พระประธาน
พระสมเด็จ วัดระฆัง ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มีหลากหลายพิมพ์ด้วยกันทั้งพิมพ์นิยม และพิมพ์ต่างๆ ของสายอนุรักษ์พุทธศิลป์พระสมเด็จให้การยอมรับ
พิมพ์ใหญ่ หรือ พิมพ์พระประธานเป็นหนึ่งใน 5 พิมพ์นิยมด้วยกันของวงการพระเครื่อง ประกอบด้วย พิมพ์พระประธาน พิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์เจดีย์ พิมพ์ฐานแซม และพิมพ์ปรกโพธิ์ ซึ่งพิมพ์ใหญ่ เป็นพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาพิมพ์พระสมเด็จทั้งหมด
ชื่อเรียกผงมวลสารในพระสมเด็จ
นอกจากมวลสารต่างๆ หลายสิบชนิดที่ใช้ในการผสมเป็ยมวลสารศักดิ์สิทธิ์ในพระสมเด็จแล้วนั้น พระสมเด็จบางพิมพ์ บางเนื้อ จะเห็นมวลสารสีต่างๆ ที่ประสานเข้ากับเนื้อพระ โดยมีความแห้ง ยุบ แยก ตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเขียว สีเหลือง สีขาว ฯลฯ
ตามข้อมูลของ อ.ปิ่นสัณฑ์ สิงหเสนี ผู้สะสมและสืบทอดมรดกพระสมเด็จจากต้นตระกูลสิงหเสนี เหลนเจ้าพระยาบดินทรเดชา สิงห์ สิงหเสนี รุ่นที่ 7 ให้ข้อมูลถึงผงมงคลสีต่างๆ ที่ปรากฏในพระสมเด็จ โดยมีชื่อเรียกตามสีต่างๆ ดังนี้ “สุริยัน จันทรา เมฆา เมฆพัฒน์ รัตนา มหาพรม วารินภา พุทธคุณ มหาพรมรังสี อิทธิเจ อิทธิเจตะนะ เบญรงค์ มหาราช” ในแต่ละชื่อแทนด้วยสีต่างๆ ของผงมงคล เช่น สุริยัน สีแดง, จันทรา สีเหลือง เป็นต้น
มวลสารและผงวิเศษพระสมเด็จพิมพ์วังจากตำรา อ.ตรียัมปวาย
จากข้อมูลในหนังสือปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่องฯ พระสมเด็จฯ ของ อ.ตรียัมปวาย ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับมวลสารและผงวิเศษที่ผสมลงในการสร้างพระสมเด็จ ไว้ว่า
ผงวิเศษ 5 ประการ
ประกอบด้วย “ผงดินสอพอง” เป็นส่วนใหญ่ ผสมด้วย ดินโป่ง ดินตีนท่า ดินหลักเมือง เถ้าไส้เทียนในพระอุโบสถ ดอกกาหลง ยอดสวาท ยอดรักซ้อน ไคลเสมา ไคลประตูเมือง ไคลประตูพระบรมมหาราชวัง ไคลเสาตะลุงช้างเผือก ราชพฤกษ์ พลูร่วมใจ พลูสองหาง กระแจะตะนาว และน้ำมันหอมเจ็ดรส ตามมูลสูตรกรรมวิธีผงวิเศษ อิทธิวัสดุเหล่านี้สมเด็จฯ เอามาปั้นเป็นแท่งดินสอวรรณะเหลืองหม่น ใช้ในการเขียนสูตร อักขระ เลข ยันต์ เป็นผงวิเศษทั้ง 5 ประการ ซึ่งเป็นอิทธิวัสดุหลักในเนื้อพระสมเด็จฯ ช่วยให้มวลสารเกิดความนุ่มและความซึ้ง
ผงใบลานเผา
ผงถ่านของใบลานจารึกอักษร เลขยันต์ และสูตรต่างๆ ซึ่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้จารสูตรพุทธาคมและอักขระเลขยันต์ต่างๆ ลงในใบลาน แล้วสุมไฟ เก็บรวบรวมใบลานเผานั้นมาสร้างพระสมเด็จ
เกสรดอกไม้
เป็นเกสรดอกไม้นานาพรรณตามบุราณคติการสร้างพระเครื่อง ได้แก่ เกสรบัวทั้งห้า คือ ปุณฑริก หรือ โกมุท นิโลบล สัตตบงกต สัตบรรณ ปัทมะ (บัวขาวหรือบัวเผื่อน บัวเขียว บัวแดง บัวขาบ บัวหลวง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัวบูชาพระประธานในพระอุโบสถ นอกนั้นจะเป็นเกสรบุปผชาติต่างๆ เช่น พุทธรักษา สารภี ยี่สุ่น พิกุล บุนนาค กาหลง ชงโค คัดเค้า รักซ้อน ฯลฯ นำมาตากแห้งแล้วบดผสมเนื้อพระ
เนื้อว่าน 108
เป็นหัวว่านป่านานาชนิด คติโบราณถือว่ามีคุณมหัศจรรย์ เช่น พระเจ้าห้าพระองค์ ว่านมหาเศรษฐี มหาวนชัยมงคล เสน่ห์จันทน์ ฉิมพลี นางคำ นางล้อม สี่ทิศ พญาลิ้นงู หนังแห้ง คางคก กระบือชนเสือ ไพลดำ หอมแดง สบู่เลือด ฯลฯ
ทรายเงิน ทรายทอง
คือ ผงตะไบของแผ่นเงินแผ่นทอง ที่ลงอักขระเลนยันต์และสูตรต่างๆ สำหรับการสร้างพระ มักลงท้ายด้วย พระยันต์ 108 และ นะ ปถัง 14 เอามาผสมในเนื้อพระสมเด็จ
น้ำมันจันทน์
ได้แก่ น้ำมันจันทน์หอมพระพุทธมนต์ ซึ่งสำเร็จด้วยการปลุกเสกพระพุทธคุณ 108 เป็นน้ำมันที่สกัดจากไม้จันทน์หอม และไม้เนื้อหอม 7 ชนิด เรียกว่า น้ำมัน 7 รส เป็นตัวประสานมวลสาร เช่นเดียวกับน้ำมันตังอิ๊ว
เถ้าธูป
เป็นเถ้าธูปที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้รวบรวมไว้จากกระถางธูปที่บูชาพระของท่าน และจากที่บูชาในพระอุโบสถ แล้วนำมากรองให้ละเอียด ผสมกับเนื้อพระ
และมวลสารทั้งหมดนี้เมื่อผสมเข้ากันจะทำให้เนื้อพระสมเด็จเกิดความนุ่มและความซึ้ง ยิ่งผ่านกาลเวลานานเท่าไหร่ ความนุ่มและความซึ่งที่ปรากฏนั้นก็จะยิ่งชัดเจน เมื่อส่องแล้วดูสบายตา นุ่มนวล
ส่วน มวลสารและผงวิเศษ จาก “หนังสือหลักสูตรการศึกษาพระเครื่องพระสมเด็จ โดยสํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และศูนย์พระเครื่องบารมีสมเด็จโต” กล่าวถึง ผงและมวลสาร ของพระสมเด็จ ประกอบไปด้วย มวลสารหลักคือ ปูนเปลือกหอย เป็นหลัก ผสมเข้ากับมวลสารและผงวิเศษอื่นๆ ที่มีคุณวิเศษมากมาย ดังนี้
1. ปูนเปลือกหอยที่ตำในครก ผ่านตระแกรงร่อนจนได้ผงขาวละเอียด หินปูน ปูนเพชร
2. ผงพุทธคุณทั้ง 5
- ผงกฤติยาคม อนุภาพในทางแคล้วคลาดปลอดภัย
- ผงปถมัง อานุภาพคงกระพันชาตรี
- ผงอิทธิเจ อานุภาพทางเมตตามหานิยม
- ผงตรีนิสิงเห อนุภาพทางมหาเสน่ห์
- ผงมหาราช อนุภาพทางเสริมอำนาจ บารมี
3. ไม้มงคลต่างๆ ว่านเกสร 108
4. ดินมงคลจากที่ต่างๆ เช่น ดินเจ็ดป่า เจ็ดโป่ง ดินหลักเมือง
5. ทรายเงิน ทรายทอง
6. ผงถ่าน คำภีร์ใบลานจารที่ชำรุด นำมาตากแห้งและเผา
7. กระยาหารต่างๆ เช่น ข้าวสุก กล้วย ขนุนสุก
8. เกสรดอกไม้
9. น้ำพุทธมนต์
10. น้ำอ้อยเคี่ยว น้้ำผึ้ง น้ำมันตังอิ๊ว
11. เศษพระกำแพงหัก
12. พระธาตุ แร่ รัตนชาติ
13. ฯลฯ
ผนึกกำลังพุทธคุณด้วยคาถา “ชินบัญชร”
พระสมเด็จที่ท่านมีนั้นถ้ายิ่งผนึกกำลังจากพระคาถา “ชินบัญชร” ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ปรับปรุงขั้นใหม่ด้วยแล้ว ยิ่งสร้างพลังในการคุ้มครองตัวท่าน เนื่องจากพระคาถาได้อัญเชิญพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ และพระอรหันต์สำคัญมากมาย รวมทั้งอัญเชิญพระสูตรสำคัญ ทั้ง 7 สูตร ทำให้มีพลังในการคุ้มครองให้พ้นจากภัยอันตราย, เมตตามหานิยม, แคล้วคลาด, อยู่ยงคงกระพัน, มหาอุด, ป้องกันภูตผีปีศาจ ฯลฯ ก็จะยิ่งทำให้เกิดสิริมงคลแก่ผู้ศรัทธา
พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ วรรณะเนื้อขาว
พระสมเด็จองค์นี้เป็นพิมพ์ใหญ่ เกศจรดซุ้ม เนื้อวรรณะของพระสมเด็จออกสีขาวนวล ดูหนึกนุ่ม เห็นมวลสารบางอย่างปรากฏชัดเจน เช่น เม็ดสีแดงตรงฐานชั้นล่างสุด สีเขียวตรงขอบพระด้านซ้าย สีดำเห็นประปรายกระจายอยู่ในองค์พระ
ด้านหลังมีร่องรอยของการหลุดร่อนของมวลสาร เป็นรูพรุน และปรากฏเม็ดสีดำ สีขาว ขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างกระจายอยู่ทั่วด้านหลังองค์พระสมเด็จ
ส่องพระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ วรรณะเนื้อขาวด้วยกล้องกำลังขยายสูง
พ่อและผู้เขียนยังคงย้ำอยู่เสมอในการเก็บสะสมพระสมเด็จของครูอาจารย์ นอกจากความชอบส่วนตัวแล้ว สิ่งที่ควรระลึกเสมอคือ การเก็บเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา และตั้งตนอยู่ในคุรความดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยศีลธรรมที่ดีงาม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ทราบว่า พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเคยงดงาม เจริญรุ่งเรืองมากเพียงใด และศรัทธาของชาวพุทธมีอย่างท่วมท้นอยู่เสมอ
อ้างอิง : มวลสารศักดิ์สิทธิ์ผงพุทธคุณในพระสมเด็จวัดระฆัง By อ.ปิ่นสัณฑ์ สิงหเสนี https://www.youtube.com/watch?v=k1ujI_bD-vQ&t=206s
เรื่องโดย : อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ คอลัมน์นิสต์ สำนักข่าว EduNewsSiam
คุยกับคอลัมนิสต์ที่ : arphawan.s@gmail.com
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)