แค่สั่งสอบรองผอ.ร.ร.ชั่วช้า ถูกจับค้ายา ”จัดการ
ตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด คงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล บุกบุรวบตัว นายเศรษฐยศ รองผู้อำนวยการโรงเรียนดังย่านปากเกร็ด อายุ 42 ปี และนายท็อป อายุ 37 ปี ชาวบางเขน ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านรัตนาธิเบศร์ พร้อมของกลางยาเสพติดและอุปกรณ์การเสพ และนำตัวกลับมาส่งดำเนินคดีที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี มีเรื่องราวให้ฉุกคิดมากมายถึงการคัดสรรคุณภาพบุคลากร และการไม่ประสานพลังการทำงานในองค์กร
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจากการสืบสวนของ พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. กล่าวถึงคำรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาของ นายเศรษฐยศ รองผู้อำนวยการ เรื่องนี้ ชวนให้เกิดประเด็นคิดที่ว่า ...
ปัจจุบัน นายเศรษฐยศ ประกอบอาชีพรับราชการครู ตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด สอนวิชาการงานอาชีพ ให้แก่เด็กชั้นประถมศึกษา
พบว่า.. รองผอ.ผู้นี้ เริ่มเสพยาตั้งแต่กลางปี 2566 และ สั่งยาเสพติดผ่านแพลตฟอร์มทวิตเตอร์มาขายในช่วงต้นปี 2567 นำมาขายให้เพื่อน วัยรุ่น และ ข้าราชการ ย่านรัตนาธิเบศ จนถึงปัจจุบันตนยังคงรับราชการอยู่และยังขายยาเสพติดไปด้วย ส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น อ้างว่าไว้ใช้สอนหนังสือในโรงเรียน
จากการขยายผลของชุดจับกุม พบอีกว่า นายเศรษฐยศ เป็นถึงระดับหัวจ่ายที่คอยส่งยาเสพติดให้ กับ ข้าราชการอีกหลายคน พบเงินหมุนเวียนในห้วงเดือนที่ผ่านมาเป็นจำนวนกว่า 1,300,000 บาท
กลุ่มผู้ต้องหาเป็นคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ทางสังคม มีความรู้ และยังมีการสร้างเครือข่ายโดยการใช้ความเชื่อมโยงทางจิตใจ เพราะเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมเดียวกัน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าราชการเจ้าหน้าที่
และที่น่ากลัวที่สุด คือ ระดับหัวหน้าขบวนการ เป็นครูที่ต้องเป็นแม่พิมพ์ให้กับเหล่าอนาคตของชาติ และ ยังมีตำแหน่งระดับสูงในโรงเรียน ถือเป็นภัยต่อเยาวชนที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนอย่างยิ่ง ทั้งนี้ จะขยายผลให้ถึงที่สุด
จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง
ก่อนหน้านั้น ต้องชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความฉับไว ของ สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองโฆษกสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับมอบหมาย จากว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ได้รับทราบ จึงมอบหมายพร้อมด้วยทีมศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. (ศสป.สพฐ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที พบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริง รองผอ.รายดังกล่าวได้อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งข้อหาที่ถูกจับกุมถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงได้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 ต้นสังกัดของโรงเรียนดังกล่าว ดำเนินการอย่างเด็ดขาดในทันที
โดยขณะเดียวกัน ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และสั่งให้ข้าราชการรายดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว เพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จากนั้นก็จะดำเนินการตามระเบียบของทางราชการต่อไป
ส่วนขั้นตอนอื่นจะเป็นหน้าที่ของทางเขตการศึกษาเขต 2 ดำเนินการสืบทางวินัย ติดตามการขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกทางหนึ่ง เพื่อนำข้อเท็จจริงเข้าสู่การตรวจสอบในเชิงลึก และรายงานความคืบหน้าของเหตุการณ์ให้ สพฐ. ทราบต่อไป
ก็เป็นขั้นตอนตามระเบียบของราชการก็จริง แต่เป็นการทำงานเชิงรุกมากกว่าตั้งรับ มิใช่รอรายงานขึ้นมาจากเบื้องล่างขึ้นมา
และนี่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เห็น แต่หลายครั้งที่ผ่านมาจะเห็นลักษณะกระทำของ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา หรือบุคลากรในสังกัดผิดวินัยอย่างร้ายแรง จะถูก สพฐ.ดำเนินการด้วยมาตรการให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ไว้ก่อน มาตลอด
และจากกรณีระดับผู้บริหารสถานศึกษาที่เคยเกิดขึ้นคงมิใช่มีแค่ครั้งนี ก่อนหน้านี้ก็มี นี่ยังไม่ยกถึงกรณีความผิดกรณีร้ายแรงอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระกัน และแม้ ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองโฆษกสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รองเลขาธิการ กพฐ. บอกว่า
...หลังจากนี้ จะกำชับให้ผู้บริหารสถานศึกษาทั่วประเทศ และหน่วยงานในกำกับทุกสังกัด ตรวจตราเรื่องยาเสพติดอย่างเข้มข้น ทั้งภายในและบริเวณรอบสถานศึกษา และต้องร่วมกันสอดส่องดูแลพฤติกรรมเสี่ยงของบุคลากรที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการป้องกันปัญหายาเสพติดอย่างรอบด้านครบทุกมิติ ก็ตาม
แม้จะรู้สึกว่าเดินมาถูกทาง แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่ สพฐ.จะสามารถขับเคลื่อนสำเร็จได้ตามลำพังในชั่วเพียงรัฐบาลชุดนี้ ที่มี นายตำรวจใหญ่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หากไม่มีการองค์กรหลักอย่างคุรุสภา ที่มีอำนาจหน้าที่ควบคุมความประพฤติและการทำงานของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณของวิชาชีพ เข้ามาร่วมสานพลัง
ก็ต้องออกมายืนแถวหน้าประกาศจุดยืน พร้อมปฏิบัติการพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาต หากพบว่ามีผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณ อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ก็ควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม มิใช่รอผลพวงการสอบสวนสำเร็จที่ต้องใช้เวลายาวนาน หรือทำตนวางเฉยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ ประจักษ์แห่งความผิดชัดแจ้ง ทำนองกว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้เสียแล้ว
เฉกเช่นเดียวกันกับ บทบาทอำนาจหน้าที่ของ ก.ค.ศ. ในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมและอุดมการณ์ สามารถให้คุณให้โทษของมวลข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้บรรลุถึงปณิธานและอุดมการณ์ของความเป็นครู
คือ การตรวจสอบถึงผู้บริหารและครู บุคลากรทางการศึกษารู้จักละวางความชั่วทั้งปวง กระทำการแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงาม ตั้งตนอยู่ในธรรม ผดุงเกียรติและศักดิ์ศรีข้าราชการ ที่ควรแก่ความไว้วางใจและเชื่อมั่น ไม่สั่งการหรือชักจูงให้ผู้เรียน หรือ ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดี ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณและอุดมการณ์ของความเป็นครู
ล้วนมีการกำหนดขั้นตอนการลงโทษตามความร้ายแรงแห่งการกระทำ การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ไว้เช่นกัน
สามพลัง ร่วม สานอำนาจหน้าที่ ประกอบด้วย 1 องค์กร คือ สพฐ.หลัก และ 2 องค์รอง คือ คุรุสภา และ ก.ค.ศ. ภายใต้ร่มกระทรวงศึกษาธิการ เชื่อว่า ย่อมขับไล่บุคลากรที่ชั่วร้ายที่กร่อนเซาะการศึกษา ได้แน่นอน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่
https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage