วิศวะสิ่งแวดล้อม มจธ.จับมือ!ม.ออสเตรเลีย เปิดหลักสูตรวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมนานาชาติร่วมสองสถาบัน


ตลอดระยะเวลาที่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมของโลกพัฒนาไป วิชาชีพหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการออกแบบ ควบคุมวางแผน วางระบบ คิดค้นนวัตกรรม และวิธีการต่าง ๆ ที่จะจัดการกับกระบวนการผลิตของมนุษย์ไม่ให้ปล่อยของเสียออกมาสร้างมลพิษ คือ ศาสตร์ของวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ศาสตร์แห่งการพิทักษ์โลกนี้ ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้ให้ความสำคัญอย่าง และได้จัดตั้งภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ ผศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญศรี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มจธ. เผยว่า หากย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ.2535 ซึ่งภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มจธ.ก่อตั้ง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศไทยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับเกิดกรม กอง ต่างๆ อาทิ กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งล้วนแต่ต้องใช้ศาสตร์ของวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ทำให้บทบาทหน้าที่ของวิศวกรสิ่งแวดล้อมมีความชัดเจน

ประกอบกับในช่วงนั้นประเทศไทยประกาศตัวเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมยิ่งมีบทบาทเพิ่มขึ้น เมื่อการผลิตสินค้าปรับจากหัตถกรรมเป็นอุตสาหกรรม มีการปล่อยมลพิษ และปริมาณขยะเพิ่มขึ้น วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการหมุนเวียนเศษวัสดุก่อนที่จะถูกทิ้งเป็นขยะ บำบัดของเสียและน้ำเสียเพื่อนำกลับสู่ทรัพยากรธรรมชาติ ถือเป็นการร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจเชิงอุตสาหกรรมไปพร้อมๆ กับการรักษาสิ่งแวดล้อม

อีกประเด็นหนึ่งคือ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับทรัพยากรสิ่งแวดล้อม เพราะถือเป็นต้นทุนในการผลิตของประเทศ ประเทศใดไม่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ประเทศนั้นจะขาดแคลนต้นทุนในการผลิต ทำให้วิศวกรสิ่งแวดล้อมมีบทบาทในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายใต้ “ประเทศไทย 4.0” หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมไปสู่ประเทศที่มั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน อย่างเป็นรูปธรรม  มีกลไกการขับเคลื่อนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.ธิดารัตน์ ยังคาดการณ์ว่า ในอนาคตประเทศไทยอาจต้องมีศาลสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งศาลสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่ในการฟ้องร้องเกี่ยวกับการทำลายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะความขัดแย้งเรื่องสิ่งแวดล้อมในประเทศ ซึ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีพิพาทระหว่างบุคคล ชุมชน กับโรงงานอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้องกับปัญหามลพิษ หรือแม้แต่ทำให้เกิดการสูญพันธุ์ หรือการตายของสัตว์ การลักลอบและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ที่เรียนจบด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมเป็นที่ต้องการของประเทศมากขึ้น  และไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่ต้องการวิศวกรสิ่งแวดล้อม ในประเทศออสเตรเลีย วิศวกรสิ่งแวดล้อมเป็นที่ต้องการอันดับที่สองรองจากวิศวกรโยธา เมื่อวิชาชีพวิศวกรสิ่งแวดล้อมอยู่ในสภาวะขาดแคลนจะกระทบต่อวิชาชีพวิศวกรสาขาต่างๆ 

ดังนั้น มจธ.โดยภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยวูลลองกอง (University of Wollongong, UOW) ประเทศออสเตรเลีย เปิดหลักสูตรวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมนานาชาติร่วมสองสถาบัน หรือ BE (2+2) โดยนักศึกษาต้องเรียนที่ มจธ. 2 ปี และเรียนที่ UOW ประเทศออสเตรเลีย 2 ปี เมื่อเรียนจบจะได้รับปริญญาบัตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตทั้งจาก มจธ. และจาก UOW รวมถึงสามารถขอใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (กว.) จากสภาวิศวกรทั้งของไทยและประเทศออสเตรเลียได้

สำหรับผู้ที่สนใจเป็นวิศวกรสิ่งแวดล้อม “ผศ.ดร.ธิดารัตน์” แนะนำว่า นอกจากต้องมีพื้นฐานทักษะการคำนวณ มีตรรกะการวิเคราะห์ มีทักษะในการจดจำและสร้างสรรค์แล้ว จะต้องมี “ใจรัก” ด้วย เพราะวิศวกรสิ่งแวดล้อมเป็นสาขาที่ต้องคลุกคลีกับของเสีย และมลพิษต่างๆ ทั้งสิ่งปฏิกูล ขยะ มลพิษ น้ำเสีย ฝุ่นควัน ต้องเสียสละตัวเองเพื่อเปลี่ยนของเสียให้เป็นของดี หรือดึงของดีออกจากของเสียให้ได้ ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สะอาด ทำให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

“ดังนั้น วิศวกรสิ่งแวดล้อมต้องทำในสิ่งที่รักษาไว้ซึ่งธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่ดี ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของการพัฒนาประเทศ และเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะสิ่งนี้คือโจทย์ของประเทศ ทั่วโลกจะต้องปฏิบัติตามที่องค์การสหประชาชาติประกาศ คือทุกสังคมมีการบริโภคอย่างยั่งยืน และนำไปสู่การอยู่รอดของโลก” ผศ.ดร.ธิดารัตน์กล่าว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อประชาสัมพันธ์ มจธ. โทร.063-249-6654