“ฟีโบ้ มจธ.” จัดค่ายโรโบแคมป์ปี 5 ฉลุย! ปูพื้นฐานความรู้หุ่นยนต์ให้นักเรียนมัธยมฯปลาย


ข่าวการศึกษา รศ.ดร.สยาม เจริญเสียง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) เปิดเผยว่า ฟีโบ้เปิดให้มีการเรียนการสอนด้านวิทยาการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) มากว่า 13 ปี

เป็นสถาบันฯแห่งแรกแห่งเดียวของประเทศที่เปิดสอนและให้ปริญญาสาขานี้โดยเฉพาะ โดยเป็นการเรียนรู้เชิงลึก รับนักศึกษาที่จบ ป.ตรีจากสายวิชาไฟฟ้า เครื่องกล หรือคอมพิวเตอร์

และเพิ่งเปิดให้มีการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีเมื่อปี 2557 เพื่อสร้างบัณฑิตคุณภาพที่จบออกมาเป็นผู้นำทางด้านวิทยาการหุ่นยนต์ในอนาคตที่มีความเข้าใจ และประยุกต์ใช้งานด้านวิทยาการหุ่นยนต์ ที่บูรณาการศาสตร์ทั้งไฟฟ้า เครื่องกล คอมพิวเตอร์

ทั้งนี้ สถาบันฯมีแนวความคิดในการจัดค่ายเพื่อปูพื้นฐานสหวิทยาการความรู้ดังกล่าวไปพร้อมกับการสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับวิทยาการหุ่นยนต์ หรือโรโบติกส์ให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

โดยมีคณาจารย์ และนักศึกษาพี่ๆ ป.โท และ ป.เอก ร่วมกันคิดรูปแบบและเนื้อหา ซึ่งจะเน้นกิจกรรมเพื่อให้ความรู้และแรงบันดาลใจแก่ผู้ที่สนใจด้านวิทยาการหุ่นยนต์

“ฟีโบ้มีคณาจารย์ที่เป็นนักเรียนทุนของประเทศชาติในสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ จบกลับมาช่วยงานสถาบันฯกว่าสิบคน เรามีความพร้อมมากขึ้นเราจึงเปิดรับ ป.ตรีด้านวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยเรารับปีละ 2 ห้อง จำนวน 80 คน มีสัดส่วนนักศึกษา 20 คน ต่ออาจารย์ 1 ท่าน เพื่อคุมคุณภาพให้ได้ดีมากที่สุด

และถ้าเราจะหาคนเก่งมาเรียนกับเรา เราก็ต้องสร้างความเข้าใจพื้นฐาน รวมทั้งสร้างความตระหนักให้เยาวชนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา จึงมีแนวทางในการจัดค่ายเพื่อถ่ายทอดความรู้พื้นฐานเรื่องวิทยาการหุ่นยนต์ให้กับคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีการจัดค่ายติดต่อกันอย่างน้อย 5 ปีแล้ว นักเรียนหลายคนได้มีโอกาสต่อยอดเข้าศึกษาต่อที่สถาบันฯในปีต่อมาด้วย” รศ.ดร.สยามกล่าว

ด้านนายพัทธนันท์ พันธุ์ทอง “ฟลุ๊ค” ประธานนักศึกษาสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) ชั้นปี 1 และประธานค่ายฟีโบ้โรโบแคมป์ปีที่ 5 กล่าวว่า ค่ายปี 2559 นี้ มีพัฒนาการที่ผ่านการเรียนรู้มาจากรุ่นพี่ๆ จากรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงปีนี้ ซึ่งมีความแตกต่างจากปีที่แล้วคือ ปีที่แล้วจะเน้นหุ่นยนต์แมนนวลโดยตรง ไม่มีหุ่นยนต์ออโต้

แต่ว่าเนื้อหาภายในค่ายปีนี้ จะเป็นการผสมผสานระหว่างหุ่นยนต์แมนนวลและออโต้เข้าด้วยกัน โดยภายในค่าย 4 วัน 3 คืน จะมีการเรียงลำดับเนื้อหาความเข้าใจ เนื่องจากน้องๆ ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาในค่ายส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด เป็นเด็กที่ไม่เคยหยิบจับหุ่นยนต์ ไม่เคยเข้าค่ายหุ่นยนต์มาก่อน

ดังนั้น วันแรกจะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือ การขึ้นรูปชิ้นงานการประกอบตกแต่งหุ่นยนต์ วันที่สองจึงจะเริ่มเข้าสู่การเรียนรู้เรื่องโปรแกรมต่างๆ วันที่สามจะเริ่มมอบหมายภารกิจให้น้องทำหุ่นยนต์ตลอดทั้งวัน

และวันที่สี่ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายจะเป็นการนำผลงานของแต่ละทีมมาแข่งในภารกิจที่พี่ๆ มอบโจทย์ให้ ซึ่งปีนี้เป็นโจทย์ให้สร้างหุ่นยนต์ลำเลียงลูกเทนนิสไปใส่ในช่องที่เราสร้างอุปสรรคไว้ให้สำเร็จ

ข่าวการศึกษา

“ฟลุ๊ค” กล่าวต่อว่า ปีนี้ค่ายฟีโบ้ได้รับความสนใจจากน้องๆ ระดับมัธยมศึกษาจำนวนมาก แต่จำเป็นที่จะต้องคัดเหลือเพียง 40 คน โดยพิจารณาจากเอกสารที่น้องๆ ส่งเข้ามา มีเกณฑ์ในเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจ และจะต้องไม่เคยผ่านค่ายหุ่นยนต์มาก่อน ซึ่งในปีหน้าจะเปิดรับสมัครน้องๆ เข้าร่วมค่ายอีกครั้ง ประมาณเดือนเมษายน 2560

ทางด้านนายเข็มทิศ สวนใหญ่ นักเรียนจากโรงเรียนจิตลดา สายวิชาชีพ หนึ่งในผู้เข้าร่วมในค่ายฟีโบ้โรโบแคมป์ ปี 5 กล่าวว่า นี่เป็นค่ายแรกที่ตนเคยเข้า แม้ว่าจะเคยเข้าค่ายของโรงเรียนมาบ้างตั้งแต่ชั้น ป.6 แต่ความรู้ที่ได้ไม่เหมือนกัน การมาเข้าค่ายครั้งนี้ตนรู้สึกประทับใจมากทั้งการให้ความรู้ของพี่ๆ และเพื่อนๆ ร่วมค่าย

“เราอาจจะรู้พื้นๆ มาบ้าง แต่การมาค่ายครั้งนี้ทำให้เรารู้เกือบทุกอย่าง ตั้งแต่การเขียนโปรแกรม ทำอย่างไรให้หุ่นยนต์เลี้ยวได้เดินหน้าถอยหลัง ซึ่งประทับใจมาก แน่นอนว่าจบค่ายนี้ผมจะติวและเลือกเรียนที่ฟีโบ้นี้เป็นอันดับแรก”

นางสาวปีรัชม์ ภูมิรัตน์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมป์ฯ กล่าวว่า ตนรู้จักค่ายนี้เมื่อครั้งที่ได้มาร่วมงาน Open House 20 ปี ฟีโบ้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตนเองได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับหุ่นยนต์ ในงานมีโอกาสจับหุ่นยนต์เล่น ทำให้หุ่นเคลื่อนที่ได้ ก็เริ่มมีทัศนคติที่ดีและเริ่มอยากเรียนรู้

จึงขอสมัครมาร่วมค่ายนี้ทันที เมื่อเข้ามาเรียนรู้ในค่ายนี้ ทำให้เข้าใจว่าหุ่นยนต์ทำงานอย่างไร จะให้หุ่นยนต์เดินได้ต้องใช้วงจรอะไร เขียนโปรแกรมอย่างไร และแน่นอนเธอเลือกที่จะสอบเข้าเรียนที่ฟีโบ้ให้ได้

“รู้สึกว่าไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ รู้สึกว่า 4 วันมันน้อยไป อยากอยู่อีกสัก 1 สัปดาห์ เพราะคิดว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่เราอยากเรียนอยากรู้ ที่สำคัญแม้ว่าก่อนหน้านี้หนูตั้งใจจะเรียนฟีโบ้หรือหุ่นยนต์อยู่แล้ว แต่การได้มาเรียนรู้ในค่ายครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่ามันเป็นทางที่ใช่ของเราจริงๆ”