กรมควบคุมโรค ห่วงหลังเปิดภาคเรียน เตือนสถานศึกษาเข้มงวดมาตรการเฝ้าระวัง โควิด 19 ยังพบการระบาด ย้ำผู้สูงอายุรีบฉีดวัคซีนป้องกันโดยด่วน

 

กรมควบคุมโรค ห่วงหลังเปิดภาคเรียน เตือนสถานศึกษาเข้มงวดมาตรการเฝ้าระวัง โควิด 19 ยังพบการระบาด ย้ำผู้สูงอายุรีบฉีดวัคซีนป้องกันโดยด่วน

 

22 พฤษภาคม 2566 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ห่วงหลังเปิดภาคเรียนพบการระบาดของโรคโควิด 19 เตือนทุกสถานศึกษา ประชาชน ไม่ประมาทป้องกันตัวเอง พร้อมเร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง เผยสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมาก เพราะยังไม่ได้รับวัคซีนหรือไม่ฉีดเข็มกระตุ้น พร้อมแนะกลุ่ม 608 หากป่วยและผลตรวจ Atk เป็นบวก ให้รีบไปรักษาและรับยาต้านไวรัส

 

 

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย ว่า ปัจจุบันผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในสัปดาห์ที่ 20 (วันที่ 14 – 20 พฤษภาคม 2566) พบจำนวนผู้เสียชีวิต 64 ราย เฉลี่ยวันละ 9 ราย ส่วนใหญ่อายุมาก 70 ปีขึ้นไป และไม่ยอมรับวัคซีน กลุ่มผู้ป่วยอาการรุนแรงเป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 401 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 226 ราย สาเหตุมาจากไม่ได้รับวัคซีน และยังพบการระบาดลักษณะเป็นกลุ่มก้อนในกลุ่มวัยทำงาน นักเรียน และในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น มีการกระจายของผู้ป่วยในหลายจังหวัด 

กล่าวอีกด้วยว่า จังหวัดที่ยังคงพบผู้ป่วยได้สูงที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร รองลงมา ได้แก่ ชลบุรี สมุทรสาคร ส่วนกลุ่มผู้ป่วยอาการรุนแรง พบว่า เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปี และส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือบางรายพบฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม

แต่ยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น ทำให้ระดับภูมิคุ้มกันหมู่ในประชากรลดลงมาก สายพันธุ์ที่พบการระบาดเป็นสายพันธุ์ใหม่/สายพันธุ์ย่อยอื่นจากต่างประเทศ มีการระบาดเพิ่ม ทั้งในเมืองและชนบท ตามมาด้วยจำนวนผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่มมากขึ้น

ในระยะนี้หลังเปิดภาคเรียนพบการระบาดของโรคโควิด 19 ในกลุ่มเด็กนักเรียน โดยเฉพาะชั้นประถมศึกษา ต้องขอความร่วมมือให้ครูประจำสถานศึกษาเข้มงวดมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคในโรงเรียนตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด หากพบเด็กนักเรียนป่วยจำนวนมาก อาจให้มีการหยุดเรียนเป็นรายห้องเรียน หรือชั้นเรียน โดยไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียน และแจ้งสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ หรือศูนย์บริการสาธารณสุข ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการสอบสวนควบคุมโรคโดยเร่งด่วน” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

ด้าน นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า แม้โรคโควิด 19 จะแพร่ระบาดมากว่า 3 ปี แต่ขอย้ำว่าการป้องกันตัวเองส่วนบุคคลยังคงเป็นมาตรการป้องกันการรับและแพร่เชื้อได้อยู่ โดยเน้นย้ำการใส่หน้ากากอนามัยในที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ล้างมือบ่อย ๆ และเข้ารับวัคซีนโดยเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเสี่ยงตาย 608 ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน

สำหรับประชาชนผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง แนะนำให้เข้ารับ Laab ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ได้ที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลภาครัฐสังกัดอื่น

ทั้งนี้ หากมีอาการป่วยที่เข้าได้กับโรคโควิด 19 ให้ตรวจ Atk และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้อื่น

กลุ่ม 608 หากป่วยและผลตรวจ Atk เป็นบวก ให้รีบเข้ารับการรักษา เน้นให้ทุกสถานพยาบาลเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจหาสายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 ในผู้ป่วยหนักและเสียชีวิต

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

***********************
ข้อมูลจาก : กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

(โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว)