ค.ร.อ.ท.ยื่น "บิ๊กตู่" เพิ่มสิทธิ “จนท.สายสนับสนุน-จบ ทล.บ.” สมัครสอบครู ผช. จี้ถาม กก.สอบปมลูกชายปลัด ศธ.-9 รองอธิบดี-แต่งตั้งบิ๊ก สอศ.


เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 กลุ่มตัวแทนเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย (ค.ร.อ.ท.) ประมาณ 10 คน นำโดยนายเศรษฐศิษฐ์ ณุวงศ์ศรี ประธาน ค.ร.อ.ท. เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล รวมทั้งนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และนายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)

เรื่อง “ขอความเป็นธรรมขอให้มีสิทธิเข้ารับสมัครบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งกำลังจะรับสมัครทางอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 1-7 มิถุนายน 2563 นี้

โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า “เครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทยในนามตัวแทนบุคลากรเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในสถาบันการศึกษาสังกัด สอศ.ทั่วประเทศ จำนวน 429 แห่ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม

จากกรณีที่ สอศ.ได้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีที่มี ความจำเป็นหรือเหตุพิเศษสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ลงวันที่ 22 พ.ค.63 จะรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1-7 มิถุนายน 2563

ซึ่งทำให้บุคลากรในอาชีวศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครฯตามประกาศฯข้อ 2 (2.4) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งพนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ครูสอนศาสนาอิสลาม วิทยากรอิสลามศึกษา พนักงานจ้างเหมาบริการ ครูอัตราจ้างหรือลูกจ้างชั่วคราว จากเงินงบประมาณหรือเงินรายได้ของสถานศึกษา และได้รับหมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่สอนในสถานศึกษาสังกัด สอศ.ตามคำสั่ง หรือตามสัญญาจ้างอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรวมกันไม่น้อยกว่า 3 ปีนับถึงวันรับสมัครวันสุดท้าย โดยมีภาระงานการสอนตามที่ส่วนราชการกำหนด 

การกำหนดในประกาศข้อ 2.4 ดังกล่าว ทำให้บุคลากรที่ทำงานในสถาบันการศึกษาใน สอศ.ในตำแหน่งงานเจ้าหน้าที่ธุรการที่ทำงานสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนมาอย่างต่อเนื่องทั้งในสถานศึกษาและในสำนักงานสถาบันการอาชีวศึกษา รวมถึงใน สอศ. ถึงแม้จะขาดการมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นครูผู้สอน แต่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สนับสนุนการเรียนการสอนมาอย่างต่อเนื่อง และให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา และหน่วยงานฯมาอย่างต่อเนื่อง จึงน่าจะเทียบเป็นประสบการณ์ในการเรียการสอนได้เช่นกัน 

จากประกาศดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษาและสำนักงานฯ ทั่วประเทศไม่มีสิทธิ์ที่จะสมัครเข้ารับการคัดเลือกในครั้งนี้ ทั้งนี้ การรับสมัครคัดเลือกครั้งนี้โดยเจตนาเพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาหรือใน สอศ.โดยเฉพาะได้มีโอกาสมีความก้าวหน้ามั่นคงในชีวิต จึงกำหนดวิธีการและคุณสมบัติไว้เป็นการเฉพาะบุคลากรที่ปฏิบัติงานในอาชีวศึกษา

แต่จากการประกาศในครั้งนี้ สอศ.กลับไม่เปิดโอกาสให้คนในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้มีโอกาสเข้ารับการคัดเลือกโดยเท่าเทียมกัน กลับมีการแบ่งและกีดกันคนภายในกันเองอย่างขาดความเป็นธรรมและขาดหลักธรรมาภิบาล

เพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้โอกาสบุคลากรที่มุ่งมั่นและตั้งใจในการปฏิบัติงานด้วยความมุมานะและพัฒนาตนเองมาอย่างต่อเนื่องและมีความหวังว่า เมื่อมีโอกาสจะได้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกตามประกาศดังกล่าว และหวังว่าจะได้รับการเหลียวแลจากผู้บังคับบัญชาและให้โอกาสกับผู้ปฏิบัติงานได้มีโอกาส เพื่อความมั่นคงในชีวิตและครอบครัว

จึงขอให้ท่านได้พิจารณาแก้ไขตามประกาศ 1.แก้ไขประกาศสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาฯ ข้อ 2 คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งของผู้มีสิทธิ์สมัครเข้ารับการคัดเลือก ข้อ2.4

เดิม 2.4 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งพนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ครูสอนศาสนาอิสลาม วิทยากรอิสลาม ศึกษา พนักงานจ้างเหมาบริการ ครูอัตราจ้างหรือลูกจ้างชั่วคราว จากเงินงบประมาณหรือเงินรายได้ของสถานศึกษา และได้รับหมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่สอนในสถานศึกษาสังกัด สอศ.ตามคำสั่งหรือตามสัญญาจ้างอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันไม่น้อยกว่าสามปีนับถึงวันรับสมัครวันสุดท้ายโดยมีภาระงานการสอนตามที่ส่วนราชการกำหนด

แก้ไขเป็น 2.4 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งพนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ครูสอนศาสนาอิสลาม วิทยากรอิสลามศึกษา พนักงานจ้างเหมาบริการ ครูอัตราจ้างหรือลูกจ้างชั่วคราว จากเงินงบประมาณหรือเงินรายได้ของสถานศึกษา และได้รับหมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่สอนในสถานศึกษาสังกัด สอศ.ตามคำสั่งหรือปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการเรียนการสอนตามสัญญาจ้างอย่างใดอย่างหนึ่งไม่น้อยกว่าสามปีนับถึงวันรับสมัครวันสุดท้ายโดยมีภาระงานตามที่ส่วนราชการกำหนด

2.ขอได้โปรดสั่งการให้ สอศ.ได้พิจารณาแก้ไขปรับปรุงสาขาคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องให้สิทธิ์ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (ทล.บ.) ทุกสาขาวิชา ที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการอาชีวศึกษา ได้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกตามสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง”

เลขานุการเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดเผยด้วยว่า ในการยื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลครั้งนี้ โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบแทนนั้น ทาง ค.ร.อ.ท.ได้ทวงถามเรื่องที่เคยยื่นหนังสือก่อนหน้านี้ ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและลงโทษผู้กระทำความผิดในกรณีมีข้อสงสัย 4 ประการ

1.การได้มาซึ่งวิทยฐานะของนายสัมนาการณ์ บุญเรือง บุตรชายนายประเสริฐ บุญเรือง ปลัด ศธ. ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ 2.การโอนย้ายและแต่งตั้งนายสัมนาการณ์ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา

3.การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น (รองอธิบดี) สังกัด ศธ. 9 ตำแหน่ง เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา และ 4.ขอให้ตั้งกรรมการตรวจสอบผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งถูกกล่าวหาช่วยเหลือคนใกล้ชิดให้ได้รับตำแหน่งสูงขึ้นนั้น

ซึ่งได้รับการตอบรับจากนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าจะติดตามเรื่องนี้ให้ เช่นเดียวกับทางสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.ที่ได้ตอบความคืบหน้าเรื่องเดียวกันนี้ด้วยวาจาว่า ได้ส่งเรื่องให้สำนักนิติการ สำนักงานปลัด ศธ.รับไปพิจารณาดำเนินการแล้ว

“ซึ่งทาง ค.ร.อ.ท.จะให้เวลาอีกไม่เกิน 30 วันนับจากนี้ หากได้รับคำตอบไม่น่าพอใจ จะไปยื่นฟ้องศาลปกครอง และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้พิจารณาคดีข้อสงสัยทั้ง 4 ประการดังกล่าว รวมทั้งเพิ่มข้อกล่าวหาการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 ของผู้เกี่ยวข้องทุกคนด้วย” เลขานุการเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าว