แกนนำครูร้อง!ปล่อยกู้องค์การค้าฯมีเงื่อนงำ? แฉ สกสค.วางแผนใช้งบฯ 10 ล.ติดป้ายโฆษณารับสมัครสมาชิกทั่ว ปท.

นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้อนุมัติให้องค์การค้าของ สกสค. กู้ยืมเงินของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. จำนวน 200 ล้านบาท เพื่อให้องค์การค้าฯนำไปใช้หนี้สินค่ากระดาษว่า ตนได้ทราบข่าวว่าการกู้ยืมเงินในครั้งนี้ อาจมีเงื่อนงำไม่โปร่งใสอย่างไรหรือไม่

เพราะทราบมาว่า ผู้รับเงินคือองค์การค้าฯ ไม่ได้รับเงินผ่านระบบบัญชีตามระเบียบ เพียงแต่มีการลงนามกู้ยืมเงินตามสัญญา ส่วนเช็คกลับสั่งจ่ายตรงไปที่เจ้าหนี้ขององค์การค้าฯ จึงอาจจะถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบทางบัญชี

“ซึ่งที่ผ่านมาองค์การค้าฯได้กู้ยืมเงินจากสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ไปแล้วรวมกว่า 3,000 ล้านบาท ดังนั้น ผู้อนุมัติให้องค์การค้าฯกู้ยืมเงินทุกคนจะต้องรับผิดชอบ หากไม่ได้เงินกลับคืนตามสัญญาที่องค์การค้าฯกู้ยืมไป” นายสานิตย์กล่าว และว่า นายณัฎฐพล  ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ) จะต้องสั่งการให้ตรวจสอบด้วยว่า สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.นำเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. และเงินหัก 4% เพื่อบริหารกองทุนฌาปนกิจ ช.พ.ค. ไปให้องค์การค้าฯกู้ยืมหรือไม่ เพราะถือว่าผิดวัตถุประสงค์ของกองทุนทั้งสองที่เป็นเงินสำหรับใช้เพื่อสมาชิกครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศเท่านั้น

นายสานิตย์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กรณีที่นายณัฎฐพลได้แต่งตั้งให้นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการ กศน. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. และยังปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.ด้วย ถือว่านายดิศกุลนั่งควบถึงเก้าอี้ 3 ตำแหน่ง จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในขณะนี้ว่า งานสำคัญๆ ของทั้ง 3 หน่วยงานไม่ก้าวหน้าไปเท่าที่ควร เฉพาะอย่างยิ่งงานการศึกษานอกระบบก็หนักหนาสาหัส งานองค์การค้าฯก็หนี้ท่วมหัว งาน สกสค.ก็หมักหมมเป็นดินพอกหางหมู

“บางงานก็สุ่มเสี่ยงอาจถูกร้องเรียน เช่น กรณีที่นายดิศกุลในฐานะปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าฯ ขอกู้ยืมเงินจาก สกสค.ไปใช้หนี้ แล้วนายดิศกุลก็มานั่งให้ความเห็นชอบในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ซึ่งสุ่มเสี่ยงในฐานะชงเองเซ็นเอง นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าผิดปกติ คือกรณีช่วงที่นายดิศกุลเข้ามารับตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.ใหม่ๆ ได้มีการแก้ระเบียบการสรรหารองเลขาธิการ สกสค. โดยให้สิทธิบุคคลภายนอกเข้ามาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ สกสค.ได้ด้วย มีการแก้ไขคุณสมบัติวุฒิการศึกษา จากผู้จบระดับปริญญาโท แก้เป็นจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี และมีการเทียบคุณสมบัติจากงานราชการในระดับสูง มาเป็นงานเอกชน ซึ่งไม่ทราบว่าเอามาเทียบกันได้อย่างไร”

นายสานิตย์กล่าวต่อว่า ยังมีงานที่ก่อให้เกิดปัญหายุ่งยากในทางปฏิบัติกับสมาชิกผู้กู้เงินโครงการเงินกู้ ช.พค. เกี่ยวกับการประกันเงินกู้ก็ไม่ใส่ใจคนกู้เงินก็อลเวง งานติดตามหนี้สินรายไตรมาสก็ไม่ทำ มีการใช้เงินที่มีอยู่เดิมจนจะหมดเกลี้ยงไปแล้ว ขนาดเปิดรับสมัครสมาชิก ช.พ.ค.-ช.พ.ส. กรณีพิเศษ มีการวางแผนใช้เงินงบประมาณนับ 10 ล้านบาท เพื่อทำป้ายประชาสัมพันธ์ในทุกจังหวัดอย่างใหญ่โต ทั้งๆ ที่ครูและบุคลลากรทางการศึกษาต่างก็มีหน่วยงานต้นสังกัดอยู่แล้ว เพียงแจ้งต้นสังกัด แจ้งสถานศึกษาแต่ละแห่งก็จบแล้ว ทำไมจะต้องใช้งบประมาณมากมายขนาดนี้

ตนเคยเตือนทางกลุ่มไลน์แล้วว่า ครูมีที่ทำงานชัดเจน ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่ควรไปติดตั้งป้ายทั่วบ้านทั่วเมืองเป็นการประจานตัวเองทั้งสูญเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ ควรประหยัดไม่อย่างนั้นคงเป็นยุคล่มสลายของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

“อีกประเด็นที่ สกสค.ไม่เคยใส่ใจ ก็คือความผิดพลาดในการบริหารงานในสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ทุกครั้งที่แจ้งว่ามีการทุจริต คนที่รับกรรมก็คือเจ้าหน้าที่ในสำนักงานใน สกสค.เท่านั้น แต่คณะกรรมการ สกสค.โดยตำแหน่งที่มาจาก 5 แท่งในกระทรวงศึกษาธิการ ไม่เคยได้รับโทษ ทั้งๆ ที่เป็นผู้อนุมัติทุกโครงการ ทุกงาน แต่รอดทุกครั้ง” นายสานิตย์ นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิกล่าว