วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ “ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”

      ภาพประจักษ์สายตาปวงพสกนิกรไทยทั้งประเทศและที่พำนักในนานาประเทศ ในพระราชภารกิจน้อยใหญ่นานัปการ ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทุกหนแห่ง ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขต่อปวงชนชาวไทยมาตลอด ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ที่ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

     ในปัจจุบันได้สนองพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์ ตลอดจนทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระองค์เอง ด้วยทรงมุ่งสร้างประโยชน์สุขแก่ปวงพสกนิกรทุกหมู่เหล่า

     ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี 2 เมษายน 2563 วันอันเป็นสิริมงคลที่พสกนิกรไทยทั้งประเทศถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งเวียนมาบรรจบอีกวาระ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจผ่อนพระราชภาระในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อประโยชน์สุขแก่คนไทยและชาติบ้านเมืองอันเกิดจากพระราชหฤทัยห่วงใยที่ยิ่งใหญ่ต่อพสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า

     ได้ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกณียกิจอย่างหนักหน่วงอย่างทรงตรากตรำมิได้ทรงคำนึงถึงความยากลำบาก และความสุขส่วนพระองค์แม้แต่น้อย ด้วยทรงมุ่งหวังที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นอย่างกว้างขวาง ดำรงชีวิตอย่างพออยู่พอกินมีความสุขอย่างยั่งยืน สืบสานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และทรงตั้งพระราชหฤทัยสนองพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตั้งพระราชปณิธานสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชดำริในสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนีอย่างแท้จริง 

              

      สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2498  ทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 3 ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ แต่ข้าราชบริพารมักขานพระนามว่า "ทูลกระหม่อมน้อย" ทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ขึ้นเป็น "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี" เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2520  

      ทรงเริ่มต้นการศึกษาระดับอนุบาล เมื่อพุทธศักราช 2501 ณ โรงเรียนจิตรลดา ในเขตพระราชฐาน พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยทรงศึกษาต่อเนื่องไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา ตลอดระยะเวลาที่ทรงศึกษา ทรงเอาพระทัยใส่ในการเรียน โปรดการอ่านและการศึกษาวรรณคดี ทั้งของไทยและต่างประเทศ ทรงเริ่มแต่งคำประพันธ์ต่างๆ ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ตั้งแต่ยังทรงศึกษาในชั้นประถมศึกษา ทรงโปรดการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ทั้งด้านกีฬา ดนตรี บันเทิง และกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ จนทรงสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในแผนกศิลปะจากโรงเรียนจิตรลดา

      เมื่อพุทธศักราช 2516 ทรงสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้จะมีพระราชภารกิจมากมาย แต่ก็ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในการเรียนอย่างยิ่ง ด้วยทรงตระหนักว่าการศึกษาเป็นความสำคัญอย่างยิ่งและยังทรงร่วมกิจกรรมของคณะ และของมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับนิสิตทั่วไป

      ในปีการศึกษา 2519 ทรงสำเร็จการศึกษา และทรงเข้ารับพระราชทานปริญญา อักษรศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง สาขาวิชาประวัติศาสตร์

      ต่อมา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสมัครเข้าศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกันทั้งสองแห่ง ทรงสำเร็จการศึกษาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจารึกภาษาตะวันออก จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ในปีการศึกษา 2522 หลังจากนั้น ทรงสำเร็จการศึกษาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาบาลี-สันสกฤต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีการศึกษา 2524

      และด้วยความสนพระทัยงานด้านการพัฒนา โดยอาศัยหลักวิชาการศึกษา หรือการเรียนรู้เป็นแกน จึงทรงสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับดุษฎีบัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ทรงสำเร็จการศึกษา และรับพระราชทานปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศึกษาศาสตร์ ในปีการศึกษา 2529

      ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายหลายด้าน ทุ่มเทพระองค์ด้วยพระวิริยะและอุตสาหะ อันก่อประโยชน์สุขแก่ราษฎร ประโยชน์อันเกิดแก่สังคมและประเทศชาติมากมาย ทรงเป็นเจ้าฟ้าในดวงใจของพสกนิกร ทรงได้รับการยกย่องจากนานาประเทศจำนวนมาก พระราชดำริต่างๆ ของพระองค์ล้วนเกิดคุณประโยชน์อย่างยิ่งในด้านการพัฒนาประเทศชาติสู่ความเจริญ ตลอดจนก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภพชีวิตของประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า รวมไปถึงทรงแผ่พระมหากรุณาธิคุณไปยังประเทศต่างๆ ด้วย

               

        ด้านหนึ่งที่สำคัญอันเป็นแบบอย่างแก่ปวงชนชาวไทยเยาวชนไทย คือพระองค์ทรงมีความสนพระทัยในด้านการศึกษาเป็นอย่างมาก ทรงศึกษามิได้หยุดนิ่ง ทำให้พระองค์พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ จึงทรงนับว่าเป็นต้นแบบด้านการศึกษาที่ดีแก่เยาวชนแก่คนไทยทั้งประเทศ แก่ครูอาจารย์อย่างที่สุด

        เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแล้ว ทรงเข้ารับราชการเป็นพระอาจารย์ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของพลตรียุทธศักดิ์ คล่องตรวจโรค ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ในขณะนั้น ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทยและสังคมวิทยา พระองค์จึงทรงเป็น "ทูลกระหม่อมอาจารย์" สำหรับนักเรียนนายร้อยตั้งแต่นั้น

        ในปี พ.ศ.2525 ทรงพระราชดำริให้ก่อตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับบุตรหลานข้าราชบริพาร และประชาชนทั่วไป เปิดทำการสอนครั้งแรกในปีการศึกษา 2525 โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์ประธานกรรมการคณะกรรมการสถานศึกษา

        นอกจากนี้ ยังแผ่พระเมตตาไปสู่เยาวชนประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ในปี พ.ศ.2533 เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จฯเยือนประเทศส ปป.ลาวครั้งแรก ระหว่างวันที่ 15-22 มีนาคม ได้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์โดยเสด็จพระราชกุศลเป็นเงิน 12 ล้านกีบ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นำเงินไปก่อสร้างเรือนนอนให้แก่โรงเรียนวัฒนธรรมเด็กกำพร้า (หลัก 67) ซึ่งอยู่ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปทางทิศเหนือประมาณ 67 กิโลเมตร พระราชทานชื่อว่า “อาคารสิรินธร” ทรงมีพระราชดำริที่จะช่วยเหลือนักเรียนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงพระราชทานพระราชดำริช่วยเหลือในรูปแบบของโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน โดยทรงนำแนวทางที่ดำเนินการในประเทศไทยมาประยุกต์ใช้ และสนับสนุนการประกอบอาชีพเสริม

        พ.ศ.2535 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชดำริพระราชทานความช่วยเหลือกัมพูชา ในการก่อตั้งวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล ณ จังหวัดกำปงธม ประเทศกัมพูชา โดยพระราชทานเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ และได้เสด็จฯไปทรงเปิดวิทยาลัย เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2548 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานทุนแก่นักเรียน เพื่อให้มาศึกษาต่อในประเทศไทยในหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรอาชีวศึกษา เพื่อนำความรู้กลับไปสอนและพัฒนาการจัดการศึกษาของวิทยาลัย รวมทั้งทรงสนับสนุนการศึกษาด้านนาฏศิลป์และดนตรี

        ในปี พ.ศ.2549 พระองค์ทรงมีแนวความคิดจัดตั้งโครงการพัฒนานักอักษรศาสตร์รุ่นใหม่ขึ้น โดยความร่วมมือของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างนักอักษรศาสตร์ที่มีมุมมองและแนวคิดใหม่ เพื่อเป็นกำลังของชาติ ทรงสนับสนุนการช่วยเหลือโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ให้เป็นโรงเรียนผลิตนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ สร้าง "องค์ความรู้" ให้แก่ประเทศไทย

              

       ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นพระโสทรกนิษฐภคินีที่ได้ทรงร่วมสุขร่วมทุกข์ มาแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อทรงเจริญพระชนมายุ ก็ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี ด้วยพระวิริยอุตสาหะ เป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติและอาณาประชาราษฎร์อย่างใหญ่หลวง เป็นอเนกประการ

       ครั้นในรัชกาลปัจจุบัน ก็ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในหลายวาระ และช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจน้อยใหญ่ที่สืบเนื่องมาแต่ครั้งรัชสมัยสมเด็จพระบรมชนกนาถ ให้ดำเนินลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย สมควรจะยกย่องพระเกียรติยศตามฐานะแห่งพระบรมราชวงศ์ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี

       ในโอกาสมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2 เมษายน 2563 เวียนมาบรรจบอีกครั้ง ในนามสำนักข่าว siamedunews.com สถาบันสื่อสารมวลชนด้านการศึกษาพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีงาม และพสกนิกรไทยทั้งประเทศ ขอพระราชทานพระราชานุญาตถวายพระพร ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนไตร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล บันดาลดลให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ มีพระวรกายแข็งแรง ทรงสถิตย์เป็นพระมิ่งขวัญสิริมงคลแก่ประชาชน และประเทศชาติยืนยาวสืบไปตราบนานเท่านาน ทรงมีพระราชดำริประสงค์สิ่งใด ขอให้ทรงสมพระประสงค์จำนงหมายจงทุกประการ ขอทรงพระเจริญ


                                 ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม