เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2561 นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการบริหารงาน สกสค.ว่า

ตนจะยึดนโยบาย “ซ่อมอดีต สร้างอนาคต” เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ และสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาในองค์กร  สกสค. โดยเฉพาะการขจัดเรื่องความไม่โปร่งใส และมุ่งส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพแก่สมาชิกครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เหนือความคาดหมาย

นายอรรถพลกล่าวว่า จากผลการประเมิน สกสค.ของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) ที่ผ่านมา พบว่าระดับคุณภาพผลการปฏิบัติงานต่ำ ได้คะแนนเพียง 59.65 ต่ำกว่าคุรุสภาที่ได้คะแนน 74.55 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยหน่วยงานภาครัฐ 422 หน่วยงานอยู่ที่ 81.50

ที่สำคัญระดับความโปร่งใสภายในหน่วยงานก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทุกดัชนี โดย ป.ป.ช.ประเมิน สกสค.ได้คะแนนเพียง 43.42 ขณะที่คุรุสภาได้คะแนน 81.34 อีกทั้ง สกสค.ยังเป็นหน่วยงานเดียวในจำนวน 426 หน่วยงานภาครัฐ ที่ได้คะแนนประเมินต่ำกว่า 50%

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ดังนั้น ภายใน 3 เดือนนี้ ตนจะมุ่งกู้วิกฤตศรัทธา ทั้งเรื่องความโปร่งใส ซึ่งได้มอบหมายให้ทุกสำนักภายใน สกสค.ไปรื้อดูกรณีความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อนำมาแก้ไข โดยเบื้องต้นพบว่า มีบางกรณีที่เราไม่ทราบมาก่อน

นอกจากนี้ ตนจะเน้นเรื่องการปรับปรุงการบริหารจัดการงานด้านต่างๆ ให้มีคุณภาพผลงานสูงขึ้น โดยเฉพาะงานบริการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา อาทิ เร็วๆ นี้ จะตั้งศูนย์พิทักษ์สวัสดิภาพครูไทย ช่วยเหลือด้านกฎหมายให้กับครูที่ถูกรังแก

นายอรรถพลกล่าวชี้แจงเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเงินทอนครู กรณีเงินส่วนต่างการฌาปนกิจเก็บค่าศพจากสมาชิก ชพค./ชพส. ศพละ 1 บาท หายไปไหนปีละหลายร้อยล้านบาทนั้น

ตนทราบว่าที่ผ่านมามีการชี้แจงทำความเข้าใจไปบ้างแล้ว แต่อาจชี้แจงน้อยไป ซึ่งจริงๆ แล้วเงินส่วนต่างประมาณ 4% เป็นเงินหักได้ตามกฎหมายการฌาปนกิจ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านต่างๆ ซึ่ง สกสค.เองมีค่าใช้จ่ายทุกด้านที่ต้องนำเงินไปอุดหนุน

โดยเฉพาะงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูปีละกว่า 700 ล้านบาท ในขณะที่ได้รับงบประมาณเพียง 146 ล้านบาทเท่านั้น อาทิ การอุดหนุนหอพักในส่วนกลางที่คิดอัตราเก็บค่าห้องพักเพียง 400 กว่าบาท ในขณะที่ต้นทุนอยู่ที่ 600 บาท เป็นต้น