“กรมสุขภาพจิต”ทำคู่มือ!พ่อแม่-ครู ดูแล“เด็กพิเศษวัยเอ๊าะ”


นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเด็กพิเศษว่า เด็กกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการและสติปัญญา เช่น เด็กออทิสติก เด็กที่มีไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยปกติ เป็นต้น  

ซึ่งเด็กจะมีการเจริญเติบโตทางร่างกายเช่นเดียวกับเด็กปกติ และเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น คืออายุ 9-15 ปี จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ ผู้หญิงจะมีรอบเดือน ส่วนผู้ชายจะมีเสียงแตก มีขนขึ้นตามร่างกาย

แต่เด็กมีข้อจำกัดทางด้านการสื่อสารบอกเล่าและขาดความรู้ความเข้าใจ อาจมีผลให้มีพฤติกรรมแสดงออกทางเพศไม่เหมาะสมซึ่งมีรายงานพบในต่างประเทศร้อยละ 30-44 ส่วนใหญ่จะเริ่มเมื่ออายุประมาณ 9  ขวบ จึงจำเป็นจะต้องได้รับการดูแลใส่ใจเป็นพิเศษจากผู้ปกครองรวมทั้งครูที่ดูแลด้วย

“กรมสุขภาพจิตได้ให้สถาบันราชานุกูล จัดทำคู่มือเพศศึกษาในกลุ่มของเด็กพิเศษเป็นการเฉพาะ เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ความเข้าใจธรรมชาติการเปลี่ยนแปลงทางเพศ รู้วิธีการจัดการดูแลปัญหาพฤติกรรมทางเพศอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้เด็ก และลดความเสี่ยงการถูกคุกคามทางเพศ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว

ด้านแพทย์หญิงมธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กล่าวว่า พฤติกรรมทางเพศ เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์   พฤติกรรมทางเพศที่พบได้บ่อยในเด็กพิเศษ มี 3 กลุ่ม ได้แก่

1.พฤติกรรมการช่วยตนเอง มักพบในเด็กผู้ชายมากกว่าหญิง 2.พฤติกรรมการสัมผัสอวัยวะเพศที่ไม่เหมาะสม เช่น เล่นอวัยวะเพศในที่สาธารณะ  และ 3. พฤติกรรมการแสดงออกเพศตรงข้ามถึงความพึงพอใจ เช่น การกอดสัมผัส

โดยพฤติกรรมทางเพศที่ผิดปกตินี้ จะพบมากขึ้นในกลุ่มผู้ที่มีระดับไอคิวที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้าด้วย หรือพบในเด็กที่มีภาวะออทิสติกในระดับรุนแรง ซึ่งในการดูแลพฤติกรรมทางเพศของเด็กกลุ่มนี้ จึงแนะนำให้ผู้ปกครองใช้หลักต้อง 5 และอย่า 1

หลักต้อง 5 เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองต้องทำ ได้แก่ 1.ต้องแนะนำช่วยเหลือเด็กเรื่องการดูแลตนเองและให้การวางตัวทางเพศเหมือนกับเด็กปกติทั่วไป  2. ต้องให้สมาชิกคนอื่นในครอบครัวเป็นต้นแบบที่ดีให้เด็กทำตาม เช่น การแต่งตัวที่มิดชิด ไม่ล่อแหลม

3.ต้องมีกฎเกณฑ์จัดการปัญหาอย่างชัดเจนและเด็ดเดี่ยว เช่นบอกว่าห้ามเล่นก็คือห้ามเล่น ให้เด็กเกิดการเรียนรู้และปรับลดพฤติกรรมที่เป็นปัญหาให้หมดไป 4. ต้องอดทนใจเย็น อดทนต่อพฤติกรรมทางเพศของลูกที่อาจเกิดซ้ำๆ ซึ่งการแก้ไขต้องใช้เวลา และ 5.ต้องปรึกษาและบอกครูที่โรงเรียน เพื่อให้ช่วยกันเฝ้าระวังดูแลแต่ต้องไม่ใช่เป็นการจ้องจับผิด ควรหากิจกรรมเสริมให้เด็กทำ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกไปทางอื่น 

สำหรับ 1 อย่าที่ผู้ปกครองห้ามใช้ก็คือ อย่าใช้อารมณ์จัดการปัญหาพฤติกรรมทางเพศของลูก เช่นใช้การลงโทษรุนแรง เช่นทุบ ตี ดุด่าว่ากล่าว เพราะยิ่งจะทำให้เด็กต่อต้านซึ่งไม่เกิดการเรียนรู้ที่ดี การจัดการปัญหาต้องทำด้วยความใจเย็น ใจแข็ง และอดทน ต้องค่อยๆ ปรับแก้ ทั้งการเสริมและการเติมสิ่งที่จำเป็นเพื่อแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

ทั้งนี้ การป้องกันปัญหาพฤติกรรมทางเพศของเด็กพิเศษที่ดีที่สุด คือการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเด็ก เช่น วัยเด็กเล็ก พ่อแม่ควรสอนให้รู้จักใช้ห้องน้ำ รู้จักเพศของตัวเอง ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมตัวไม่เดินแก้ผ้า ช่วงวัยเด็กโต ควรสอนเรื่องการเข้าหาผู้อื่นที่ถูกต้องเหมาะสม เล่นกับเพื่อนในโรงเรียนทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ สอนให้รู้ความแตกต่างของเพศหญิงชาย สอนให้ใช้ห้องน้ำสาธารณะให้เป็น

“ผู้ปกครองหรือคุณครูสามารถดาวน์โหลดคู่มือนี้ ซึ่งจัดทำ 2 ฉบับคือ ฉบับผู้ปกครอง และฉบับของครู ได้ฟรีที่ WWW.rajanukul.go.th” แพทย์หญิงมธุรดากล่าว