สธ.เผยผลวิจัย!วิธีเลี้ยงลูก เพิ่มระดับไออิว-อีคิวเด็กไทยพุ่ง


นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์  อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยนายแพทย์สมัย ทองศิริถาวร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต และคณะ ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาล (รพ.) จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ และศูนย์สุขภาพจิตที่ 9 อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อเร็วๆ นี้

เพื่อติดตามผลการดำเนินงานดูแลสุขภาพจิตประชาชนในเขตสุขภาพที่ 9 ในปีงบประมาณ 2560  ซึ่งประกอบด้วย 4 จังหวัดได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์รวม 88 อำเภอ 9,369 หมู่บ้าน  ประชากร 6.7 ล้านคน โดยมีแพทย์หญิงสุวรรณี เรืองเดช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ และนางนาตยา  ทฤษฎิคุณ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 9 บรรยายสรุปผลการดำเนินงาน

อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า ในภาพรวมผลการดำเนินงานด้านสุขภาพจิต ในเขตสุขภาพที่ 9 พบว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ ในด้านของการส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิต โดยศูนย์สุขภาพจิตซึ่งเป็นศูนย์วิชาการของกรม ทำงานด้านการส่งเสริมป้องกัน เฝ้าระวังปัญหาและสนับสนุนวิชาการเทคโนโลยีด้านสุขภาพจิตแก่ชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพจิตดี มีความสุข อยู่ในสังคมอย่างมีคุณค่า

โดยใช้การศึกษาวิจัยหาสาเหตุปัญหาและความเสี่ยงเพื่อตอบสนองการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จริงได้ตรงจุดทุกกลุ่มวัย รวมทั้งการดูแลผู้พิการ

“ที่น่าสนใจคือ มีผลการศึกษาวิจัยผลของการส่งเสริมการเลี้ยงลูกผ่านกิจกรรม กิน กอด เล่น เล่านิทานทั้งนิทานทั่วไปและนิทานท้องถิ่น ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ในปี 2559 พบว่ากิจกรรมนี้ ให้ผลต่อการสร้างความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างผู้ปกครองผู้เลี้ยงดูกับเด็กอย่างชัดเจน”

นต.นายแพทย์บุญเรืองกล่าวต่อว่า ความผูกพันทางอารมณ์นี้ เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าจะส่งผลต่อการเพิ่มระดับความฉลาดทางสติปัญญาหรือไอคิว และความฉลาดทางอารมณ์หรืออีคิวของเด็ก

โดยกิจกรรมดังกล่าวเพิ่มคะแนนความผูกพันทางอารมณ์ได้สูงถึงร้อยละ 84 สูงกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองเลี้ยงดูแบบทั่วๆไป ซึ่งมีคะแนนเพียงร้อยละ 17 เท่านั้น 

ดังนั้น จะเร่งขยายผลการใช้กิจกรรมนี้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งกรมฯตั้งเป้าภายในปี 2564 จะเพิ่มไอคิวเฉลี่ยสูงกว่า 100 จุด มั่นใจว่าจะดำเนินการได้ และเด็กไทยจะมีไอคิวไม่แพ้เด็กในระดับสากลได้แน่นอน  ผลการประเมินล่าสุดในปี 2559 ของเด็กวัยเรียนในพื้นที่ 4 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 9 มีระดับไอคิวเฉลี่ย 96.58 จุด และมีอีคิวอยู่ในเกณฑ์ปกติร้อยละ 80 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับประเทศ

อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวต่อว่า สำหรับในด้านการรักษาฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวช ในเขตสุขภาพที่ 9 มีโรงพยาบาลชุมชน เครือข่ายของ รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ จำนวน 89 แห่ง สามารถให้การรักษาโรคจิตเวชต่างๆ  ได้ ทำให้การเข้าถึงบริการดีขึ้น เช่น โรคจิตเวชทุกโรค เข้าถึงบริการร้อยละ 75 โรคซึมเศร้าเข้าถึงร้อยละ 55.5 เด็กสมาธิสั้น เข้าถึงบริการร้อยละ 9 จากเป้าที่ตั้งไว้คือร้อยละ 8  

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นคือการดูแลผู้ป่วยในชุมชน เพื่อลดอาการกำเริบ และอยู่ในชุมชนได้นานกว่า 180 วัน และไม่ก่อความรุนแรงสังคม

ประเด็นที่เป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยจิตเวชอาการกำเริบบ่อยที่สุดคือ การดื่มสุราและใช้สารเสพติด จะต้องอาศัยความเข้มแข็งความร่วมมือของครอบครัว และชุมชน ได้ให้โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์  ซึ่งมีผลงานในด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชเฉพาะทางที่รุนแรงยุ่งยากซับซ้อนทุกโรคในระดับดี สามารถดูแลป้องกันอาการกำเริบ กลับเข้ามารักษาซ้ำภายใน 180 วัน ได้สูงถึงร้อยละ 97 เนื่องจากมีประสบการณ์มากว่า 50 ปี  มีระบบการดูแลเชื่อมโยงถึงชุมชน

“และขณะนี้มีการดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยจิตเวชที่วัดห้วยพรหม อ.วังน้ำเขียว อ.โนนสูง ต.หนองขาม อ.พิมาย และ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว โดยให้ รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯเพิ่มความเป็นเลิศในการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในระดับประเทศต่อไป” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว