วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10 ขอถวายพระพรทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

                วันที 28 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันมหามงคลยิ่งของปวงชนชาวไทย เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ขอพระบรมราชานุญาตถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญร่มโพธิ์ทองของปวงข้าพสกนิกรไทยตราบนานเท่านาน

 0cf6002650df12e3e521ba900a453bdf.jpgสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2495 เวลา 17.45 น. พระนามเดิมว่าสมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรง สุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร มีพระเชษฐภคินี คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินีสองพระองค์คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2515 ปวงชนชาวไทยต่างมีความปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้มีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระนามาภิไธยตามจารึกพระสุพรรณบัฏว่า

“สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิติยสมบูรณสวางควัฒน์ วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธ สยามมกุฎราชกุมาร”

เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระบรมชนกนาถเสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 เป็นที่คาดหมายว่าพระองค์จะสืบราชสมบัติต่อ ทั้งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่า จะเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ แต่ทรงขอผ่อนผัน พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี จึงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์โดยตำแหน่งไปพลางก่อน

จนกระทั่งวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้จัดประชุมวาระพิเศษ โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้แจ้งหนังสือหนังสือด่วนที่สุดที่ นร.0503/44549 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 ที่ได้รับจากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้แก่ที่ประชุมเพื่อรับทราบ ก่อนอัญเชิญพระองค์เสด็จขึ้นทรงราชย์ และพระองค์ได้ทรงรับเป็นพระมหากษัตริย์ จากนั้นวันที่ 1 ธันวาคม จึงพระราชทานพระราชวโรกาสให้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา ประมุขฝ่ายตุลาการ เข้าเฝ้าฯ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ได้กราบบังคมทูลเชิญขึ้นสืบราชสมบัติ จากนั้นพระองค์มีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์ ความว่า

ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภาได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทย เชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ว่าเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธาน และเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง

 ทั้งนี้ ในทางนิตินัยถือว่าได้ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 เพื่อให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณีโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งยังสอดคล้องกับคตินิยมในนานาประเทศที่ราชอาณาจักรย่อมไม่ว่างเว้นขาดตอนจากการมีพระมหากษัตริย์ และโปรดเกล้าฯให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" (อ่านว่า สม-เด็ด-พฺระ-จ้าว-หฺยู่-หัว-มะ-หา-วะ-ชิ-รา-ลง-กอน บอ-ดิน-ทฺระ-เทบ-พะ-ยะ-วะ-ราง-กูน)

นับแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ เนื่องจากในช่วงเดือนธันวาคม 2559-มกราคม 2560 ภาคใต้ของไทยประสบอุทกภัยอย่างหนักในหลายพื้นที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยในความเดือดร้อนของประชาชน จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ในการจัดซื้อสิ่งของจำเป็นสำหรับช่วยเหลือราษฎร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์นำถุงยังชีพพระราชทานไปมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้มีพระราชกระแสแก่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขความเดือดร้อนดังกล่าว จนบรรเทาลุล่วงไปเป็นลำดับ

เมื่อเวลา 18.11 น. วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เฝ้าฯรับพระราชทานเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ จำนวน 40 ล้านบาท โดยเงินจำนวนดังกล่าวเป็นรายได้จากการจำหน่ายบัตรอวยพรและไดอารีภาพวาดฝีพระหัตถ์

ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์ พร้อมคำอำนวยพร และหลักปรัชญาการปฏิบัติตนให้เกิดความสุข เชิญไปลงพิมพ์เป็นบัตรอวยพร จำนวน 4 แบบ ราคาชุดละ 90 บาท และไดอารี ราคาเล่มละ 199 บาท วางจำหน่ายที่พระบรมมหาราชวัง ร้านโกลเด้น เพลซ ร้านค้าสวัสดิการข้าราชบริพารในพระองค์ 904 ร้านจักรยานสุขสำราญ ถนนสุโขทัย และร้านนายอินทร์ เพื่อนำรายได้ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

สำหรับเงินที่นายกรัฐมนตรีได้รับพระราชทานในโอกาสนี้ รัฐบาลจะนำไปสมทบทุนช่วยเหลือฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรที่ประสบอุทกภัย ตลอดจนเป็นเงินทุนการศึกษาพระราชทานแก่บุตรหลานผู้กำลังอยู่ในวัยศึกษาของครอบครัวผู้เสียชีวิตอันเนื่องมาจากอุทกภัย ทั้งนี้ ได้พระราชทานความช่วยเหลือแก่โรงเรียน จำนวน 267 แห่ง โดยจัดพระราชทานครุภัณฑ์ โต๊ะเก้าอี้ครูและนักเรียน รวมทั้งอุปกรณ์การศึกษาที่จำเป็นด้วย

ด้วยพระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยการศึกษา ครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนิน โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นเมื่อปี 2552 ด้วยพระราชปณิธานที่ทรงมุ่งสร้างความรู้ สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทยที่มีฐานะยากจนยากลำบาก แต่ประพฤติดีมีความสามารถในการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงต่อเนื่องในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีตามความสามารถของแต่ละคน เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถและศักยภาพแก่เยาวชนไทย

ต่อมาในปี 2553 ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (...) ขึ้น โดยทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ ทำให้เยาวชนที่ครอบครัวมีฐานะยากจนแต่มีความประพฤติดีเรียนดี มีโอกาสรับทุนการศึกษาพระราชทานในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญและสายอาชีพ ต่อเนื่องไปจนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี ในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความรู้ ความสามารถและความต้องการของผู้เรียน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ด้วยทรงเห็นความสำคัญการศึกษา เฉพาะอย่างยิ่งทรงห่วงใยเยาวชนในครอบครัวที่อยู่ห่างไกลและยากจน มักประสบปัญหาเรื่องโอกาสทางการศึกษา นับแต่เสด็จขึ้นทรงครองสิริราชสมบัติจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอุปกรณ์การเรียนและเครื่องเขียนแก่โรงเรียนต่างๆ ในถิ่นกันดารห่างไกลทั่วประเทศ

               4b5711a34108e0c7f9faa14e70e1d3e2.jpg ในด้านการดำเนินชีวิตของประชาชนพสกนิกรทั้งประเทศ ที่ในอดีตนั้นประสบปัญหาปัจจัยหลักสำคัญในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิต อันได้แก่เรื่องน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร  เรื่องดิน เรื่องอาชีพเป็นต้น ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานแหล่งน้ำ แหล่งการศึกษาเรียนรู้ด้านอาชีพ การพัฒนาดิน พระราชทานหลักการบริหารจัดการผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพระราชทานไว้ทั่วประเทศเกิน 4,500 โครงการ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงตั้งพระราชปณิธานสืบสาน รักษา ต่อยอดการพัฒนตามแนวพระราชดำริ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ติดตามให้ความช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับราษฎร

แล้วยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่ราษฎรถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจำนวนมาก และทรงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจเยี่ยมโครงการและเยี่ยมเยียนประชาชนมาโดยลำดับ

นับแต่ได้ทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ได้ทรงตั้งพระราชปณิธานสืบสานรักษาต่อยอดการพัฒนาตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี ดังเป็นที่ประจักษ์ต่อพสกนิกรชาวไทย

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 

โครงการปรับปรุงคลองผันน้ำร่องสัก และโครงการก่อสร้างฝายร่องขุย พร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยเฮี้ย ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียง

โครงการก่อสร้างแก้มลิงห้วยใหญ่ ก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า บ้านห้วยแหน ขุดสระเก็บน้ำ หมู่ที่ 4 และขุดลอดคลอง หมู่ที่ 14 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ 

โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยต้นยาง พร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย 

โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยป่าสัก พร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย 

โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ยะ พร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลเกาะตะเภา อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก 

ฯลฯ

95567d6173942ce5671af9aadfc7cd29.jpg สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงให้ติดตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างเอาใจใส่ใกล้ชิด เพื่อให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ราษฎรได้อย่างจริงจัง ดังเช่นทรงให้ติดตามโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี จำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำบ้านไทยประจันอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำบ้านพุกรูดอันเนื่องมาจากพระราชดำริอ่างเก็บน้ำห้วยพุกรูดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำเขาหัวแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และอ่างเก็บน้ำหินสีตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำทั้ง 5 แห่ง มีสภาพสมบูรณ์สามารถช่วยเหลือราษฎรตำบลยางหักได้อย่างทั่วถึง มีการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ อันเกิดจากการรวมกลุ่มผู้ใช้น้ำอย่างเข้มแข็งของราษฎร รวมถึงการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาสภาพพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำและระบบส่งน้ำทำให้อ่างเก็บน้ำทั้ง 5 แห่ง ที่เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณได้สร้างประโยชน์สุขให้กับราษฎรสมดังพระราชปณิธานที่จะทรงรักษา สืบสาน ต่อยอดการพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้บังเกิดประโยชน์สุขกับประชาชนสืบไป

โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำหนองบ่ออองและขุดร่องชักน้ำ พร้อมติดตั้งสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลคำแก้ว และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำห้วยหิน พร้อมอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ เป็นอีกรูปธรรมแห่งพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความช่วยเหลือตามที่ราษฎรทั้งสองตำบลขอพระราชทานโครงการในการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และการเกษตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือราษฎรได้ประกอบอาชีพได้อย่างสมบูรณ์

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ อันเกิดจากพระราชหฤทัยห่วงใยที่ได้พระราชทานโครงการฯ เพื่อช่วยเหลือราษฎรได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเพราะทรงตั้งพระราชหฤทัยสืบสานพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับราษฎร

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวารางกูร รัชกาลที่ 10 ทรงเอาพระทัยใส่ในทุกข์สุขราษฎรมาแต่ทรงพระเยาว์ ด้วยทรงซึมซับจากการได้ตามเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนก สมเด็จพระบรมราชชนนี ในการเสด็จฯไปทอดพระเนตรวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของอาณาประชาราษฎร์ ได้ทรงซึมซับพระราชกรณียกิจล้นเกล้าฯทั้งสองพระองค์ เพื่อขจัดความทุกข์เดือดร้อนยังประโยชน์สุขผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระราชทานไว้มากมาย

ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม