ผศ.ดร.ณรงค์ พุทธิชีวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรส.) สุราษฎร์ธานี ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวอาจมีการควบรวม มรส.กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี เข้าด้วยกันว่า มหาวิทยาลัยทั้งสองได้ก้าวข้ามประเด็นการควบรวมไปแล้ว ขณะนี้ตนกำลังมองข้ามไปถึงเรื่องการจัดการศึกษาร่วมกัน โดยนำเอาความถนัดและความเชี่ยวชาญของทั้งสองสถาบันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการผลิตบัณฑิตให้มากที่สุด

การจัดการศึกษาในยุคนี้ไม่ควรต่างคนต่างทำอีกต่อไป หมดยุคข้ามาคนเดียวแล้ว ต้องหันมาร่วมมือกันให้มากที่สุด ดึงความถนัดและจุดเด่นของแต่ละสถาบันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนให้ได้ เช่น มรส.เชี่ยวชาญใน 4 ศาสตร์ คือ ครุศาสตร์ เทคโนโลยีการเกษตร การท่องเที่ยว และวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ส่วน มอ.มีความโดดเด่นในศาสตร์ใดก็นำมาออกมาแบ่งปัน ซึ่งอาจออกมาในรูปของการให้อาจารย์ได้สอนทั้งสองมหาวิทยาลัย หรืออาจเป็นการพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน เป็นรายละเอียดที่ต้องหารือร่วมกันในอนาคตอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดก็คือนักศึกษาและประเทศชาติ

อธิการบดี มรส.กล่าวอีกว่า ตนอยากเห็นสถาบันอุดมศึกษาของไทยใหญ่กว่านี้ ไม่ใช่เฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี คำว่าใหญ่กว่านี้หมายถึงมีหลากหลายสาขา หลากหลายศาสตร์ เพราะการจะพัฒนาประเทศชาตินั้นใช้เพียงศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งไม่เพียงพอ ต้องใช้หลากหลายศาสตร์มาประกอบกัน ซึ่งถือเป็นพันธกิจของสถาบันอุดมศึกษาทั้งมวลที่จะต้องหันมาร่วมมือกัน แสวงหาเครือข่ายและพันธมิตรทั้งในและนอกประเทศ

“ความร่วมมือในลักษณะนี้ ผมมองว่าอยู่เหนือกว่าการควบรวม เพราะเรายังคงไว้ซึ่งความเป็นตัวตน แต่หันมาทำหน้าที่ร่วมกัน มีเป้าหมายเดียวกัน และมองเห็นดาวดวงเดียวกัน ซึ่งความร่วมมือในลักษณะนี้ไม่ควรจำกัดอยู่เพียง ม.ราชภัฏสุราษฎร์กับ มอ.สุราษฎร์ฯเท่านั้น แต่สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งควรมองหาความร่วมมือในลักษณะนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของไทยให้เหนือขึ้นไปอีก” ผศ.ดร.ณรงค์กล่าว