สบส.เร่งคลอดกฎหมายลูก 3 ฉบับ รองรับนโยบาย!เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์ทุกที่

จากกรณีญาติผู้ป่วยร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องเจ็บป่วยฉุกเฉินว่า หลังนำมารดาอายุ 84 ปี ซึ่งหกล้มกระดูกหักไปรักษาผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านหัวหมาก กทม. และโรงพยาบาลเรียกเก็บเงินค่ารักษากว่า 1 แสนบาท ซึ่งญาติได้ชำระเงินไปแล้ว

ในขณะที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่าผู้ป่วยรายนี้เข้าข่ายเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉิน 72 ชั่วโมง และให้โรงพยาบาลทำเรื่องตั้งงบเพื่อเบิกจ่ายจากกองทุนฯแทน แต่โรงพยาบาลยังไม่มีการดำเนินการ และทางญาติผู้ป่วยยังไม่ได้รับคืนแต่อย่างใดนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว นายแพทย์วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขอชี้แจงประชาชนทุกคนว่า นโยบายรัฐบาลเรื่อง “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์ทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้ได้ทุกแห่ง เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที โดยประชาชนไม่ต้องสำรองจ่ายเงินในระยะ 72 ชั่วโมงแรกนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติทั่วประเทศ

นโยบายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อกฎหมายอนุบัญญัติ หรือที่เรียกกันว่ากฎหมายลูก 3 ฉบับ ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาก่อน จึงจะมีผลบังคับใช้กับสถานพยาบาลทั่วประเทศ

สำหรับในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนย่านหัวหมากนั้น กรม สบส.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบว่า มีการแสดงอัตราค่ารักษาพยาบาลและมีการเรียกเก็บเกินอัตราที่โรงพยาบาลได้ประกาศไว้หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายสถานพยาบาลได้กำหนดไว้ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในฉบับที่ 4 มีโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำและปรับ

สำหรับร่างกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ กองกฎหมาย กรม สบส.ได้เร่งจัดทำให้แล้วเสร็จ ประกอบด้วย 1.ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย การกำหนดผู้ป่วยฉุกเฉิน 2.ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินและการระดมทรัพยากรและการมีส่วนร่วมการช่วยเหลือเยียวยาและจัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น

และ 3.ร่างหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรา 36 ตามกฎหมายสถานพยาบาลซึ่งกำหนดรายละเอียดให้สอดคล้องกับกฎหมายการแพทย์ฉุกเฉิน

ทั้งนี้ เมื่อร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับแล้วเสร็จ จะได้เสนอปลัดกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาเห็นชอบและเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามใน 2 ฉบับแรก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ส่วนฉบับที่ 3 ว่าด้วยหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติโดยเฉพาะ จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบ ก่อนประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป

ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (สพรศ.) กล่าวเสริมว่า ในกรณีของโรงพยาบาลเอกชนย่านหัวหมากที่ยังไม่คืนเงินค่ารักษาผู้ป่วยวิกฤติให้แก่ญาตินั้น ได้ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่จาก สพรศ.และกองกฎหมายเข้าตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวว่า มีการเก็บค่ารักษาเป็นไปตามราคาที่แสดงบนป้ายหรือไม่ หากพบความผิดปกติจะดำเนินการตามกฎหมายทันที