สกว.ผนึก!ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เผยแพร่งานวิจัย ประเดิมชิ้นแรก “ฟ้อนกลองตุ้มจังหวัดอุบลฯ”

สกว.ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร พัฒนาองค์ความรู้ และพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยในสาขามานุษยวิทยาและสาขาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดกิจกรรมทางวิชาการทางด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ผ่านการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบต่างๆ

ประเดิมผลงานชิ้นแรก คือ การยกระดับความรู้จากงานวิจัยเรื่อง “โครงการการอนุรักษ์พิธีกรรมและการแต่งกายในการฟ้อนกลองตุ้มจังหวัดอุบลราชธานี” โดย ดร.คำล่า มุสิกา อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

โดยศาสตราจารย์ นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ ดร.โสมสุดา ลียะวณิช ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ความรู้จากงานวิจัยในเชิงวิชาการ โดยมี ผศ.ปรียาภรณ์ เจริญบุตร คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมเป็นเกียรติในงาน ณ ห้องประชุมศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา

ศ.นพ.สุทธิพันธ์ เปิดเผยว่า สกว.ได้สนับสนุนงานวิจัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 จนเกิดผลงานวิจัยจำนวนนับหมื่นโครงการ ทั้งในส่วนของการสร้างองค์ความรู้ใหม่ งานวิจัยและพัฒนา และงานวิจัยเพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่น สกว.จึงมีแนวทางการผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย 5 ด้าน

ซึ่งในส่วนของการใช้ประโยชน์เชิงวิชาการนั้น เป็นการนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในรูปแบบต่างๆ เช่น วารสารระดับนานาชาติ ระดับชาติ หนังสือ ตำรา บทเรียน ไปใช้ประโยชน์ด้านวิชาการ การเรียนรู้ การเรียน การสอน ในวงนักวิชาการและผู้สนใจ รวมถึงการวิจัยต่อยอดหรือการนำไปสู่ผลิตภัณฑ์และกระบวนการเสริมสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยี

สำหรับความร่วมมือกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ในการทำงานด้านวิชาการครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาองค์ความรู้ และการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยในสาขามานุษยวิทยาและสาขาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดกิจกรรมทางวิชาการทางด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ผ่านการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบการจัดพิมพ์หนังสือ นิทรรศการ การจัดประชุมวิชาการ การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงการทำวิจัยร่วมกัน และพัฒนานักวิจัย

การทำงานชิ้นแรกภายใต้บันทึกความร่วมมือดังกล่าว คือ การยกระดับความรู้จากงานวิจัยเรื่อง “โครงการการอนุรักษ์พิธีกรรมและการแต่งกายในการฟ้อนกลองตุ้มจังหวัดอุบลราชธานี” โดย ดร.คำล่า มุสิกา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น ที่ได้ร่วมกับชาวบ้านสืบค้นรวบรวมภูมิปัญญาพื้นบ้านที่เกือบจะสูญหายไปแล้วจากแผ่นดินอีสาน เพื่อสืบทอด ฟื้นชีวิตให้พิธีกรรม และผลักดันให้กลายเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดอุบลราชธานีที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน

ด้าน ดร.โสมสุดา กล่าวว่า ความร่วมมือกันครั้งนี้จะเป็นการสังเคราะห์ความรู้จากงานวิจัยชาวบ้าน ให้เกิดเป็นองค์ความรู้ในเชิงวิชาการ การเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัย อ้างอิงได้ทางวิชาการ และสานสัมพันธ์ท้องถิ่นกับสถาบันการศึกษาให้เกิดการเกื้อกูลกันทางวัฒนธรรม

ซึ่งการยกระดับความรู้ในเชิงมานุษยวิทยาทางวัฒนธรรมนี้ นับเป็นความเชี่ยวชาญของศูนย์มานุษยวิทยาที่จะได้มาร่วมกันทำงานในระยะต่อไป โดยคาดว่าจะเกิดผลรูปธรรม ได้แก่ 1.ชุดความรู้จากกระบวนการวิจัยโครงการวิจัยเรื่องการอนุรักษ์พิธีกรรมและการแต่งกายในการฟ้อนกลองตุ้มจังหวัดอุบลราชธานี 2.โมเดลทางการจัดการพิธีกรรมพื้นบ้านอีสานเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงวิชาการ

และ 3.ชุดหนังสือเพื่อเผยแพร่ความรู้ในเชิงวิชาการสู่การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย โดยเชื่อมต่อกับห้องปฏิบัติการทางสังคม (Social lab) ในชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดอุบลราชธานีต่อไป

ทางด้าน ดร.คำล่า มุสิกา อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ ม.อุบลราชธานี และนักวิจัย สกว. กล่าวว่า ได้ศึกษาพิธีกรรมและการแต่งกายในการฟ้อนกลองตุ้มของชุมชนต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้ชุมชนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ตลอดจนหากระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชน สถานศึกษา หน่วยงานต่างๆ และผู้สนใจทั่วไป เพื่อสร้างความตระหนักในคุณค่าและความภาคภูมิใจของคนในชุมชน ให้ร่วมสืบสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม พิธีกรรม และการแต่งกายในพิธีกรรมดังกล่าว

ซึ่งผลจากงานวิจัยสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการนำไปใช้ประโยชน์และต่อยอดอย่างกว้างขวางในการเผยแพร่ต่อสาธารณชน เช่น การแสดงเสียงสีเสียงในงานแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี การแสดงพิธีเปิดและปิดงานสัปดาห์สุขภาพจิต ประจำปี 2552 งานเลี้ยงผู้ร่วมประชุมทางวิชาการ เป็นต้น ตลอดจนการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน และเว็บไซต์ www.guideubon.com ซึ่งเป็นเว็บไซด์ที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ของจังหวัดอุบลราชธานีไว้อย่างครบถ้วน

“นอกจากนี้ ยังมีการใช้ประโยชน์ในด้านงานวิชาการในการผลิตเอกสารคำสอนเพื่อเผยแพร่ไปยังโรงเรียน 109 แห่ง ที่แจ้งความจำนงไว้ด้วย”