สปสช.จับมือ! อปท. พัฒนางานอนามัย ร.ร.ท้องถิ่น หลังวิจัยพบปัญหา กระทบพัฒนาการเด็กไทย


สปสช.จับมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองทุนสุขภาพตำบล ทำโครงการบริการอนามัยโรงเรียนรูปแบบใหม่ หลังผลวิจัยพบงานอนามัยโรงเรียนมีปัญหา กระทบพัฒนาการเด็กไทย ทดลองนำร่องในโรงเรียนประถมศึกษาสังกัดท้องถิ่นใน 3 ปี

โดย อปท.มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน จัดทำคู่มือบริการอนามัยโรงเรียน อบรมครูประจำชั้นให้เป็นครูอนามัยโดยทีมแพทย์จาก รพ.รามาธิบดี ตั้งเป้างานอนามัยโรงเรียนมีมาตรฐาน นักเรียนได้รับการส่งเสริมสุขภาพตามวัยอย่างมีมาตรฐาน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ หรือ HITAP (ไฮแทป) ประเมินการบริการอนามัยโรงเรียนระดับประถมศึกษาในปี 2557-2558 โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งพบปัญหาการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐานนั้น

ข่าวการศึกษา นพ.กฤช ลี่ทองอิน ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนระบบบริการปฐมภูมิ สปสช. เปิดเผยว่า โรงเรียนเป็นสถานที่สำคัญที่หนึ่งที่เด็กใช้ชีวิตอยู่ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน จึงเป็นสถานที่ดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแก่เด็กนักเรียนได้

จากการศึกษาที่ผ่านมาของ HITAP พบปัญหาเด็กที่ไม่ได้รับบริการตรวจสุขภาพตามมาตรฐาน อาจเป็นเรื่องการจัดบริการ การตรวจร่างกายและการติดตามด้านสุขภาพที่ยังไม่มีมาตรฐาน

สปสช.จึงร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ริเริ่มโครงการนำร่องการให้บริการอนามัยโรงเรียนรูปแบบใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีคุณภาพ และสอดคล้องความต้องการด้านสุขภาพของเด็กประถมศึกษาในปัจจุบัน

ซึ่งเป็นบริการอนามัยโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่กำลังดำเนินการขับเคลื่อนอยู่ขณะนี้ ในรูปแบบของกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น หรือกองทุนสุขภาพตำบล ที่ อบต./เทศบาล ดำเนินการหลัก

ความร่วมมือจาก อปท.ในการบริหารจัดการเรื่องอนามัยโรงเรียนในสังกัดของ อปท.เอง จะทำให้การดำเนินงานง่ายขึ้น โดย อปท.มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน มีการจัดทำคู่มือมาตรฐานการทำงานสำหรับครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในปัญหาสุขภาพที่สำคัญ

รวมทั้งจัดอบรมครูประจำชั้นทุกคนให้เป็นครูอนามัย โดยทีมแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดีและเครือข่าย ซึ่งจะทำให้การบริการอนามัยโรงเรียนมีมาตรฐานการดำเนินงาน ส่งผลให้เด็กนักเรียนเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง

ภายหลังโครงการนำร่องนี้เสร็จสิ้น จะมีการประเมินผลในเชิงบริหารจัดการหลังดำเนินโครงการว่า เกิดปัญหาอะไรบ้าง และจะมีแนวทางในการแก้ไขอย่างไร นอกจากนี้ มีแผนจะขยายการดำเนินงานไปยังโรงเรียนในสังกัดท้องถิ่นเพิ่มเติมอีกในระยะ 3 ปี ให้ครบทุกแห่ง

ซึ่งระหว่างนั้นหากท้องถิ่นสนใจที่จะดูแลเด็กนักเรียนที่อยู่ในสังกัดอื่น เช่น โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทางท้องถิ่นอาจเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการและเป็นผู้ประเมินผลการดำเนินงานเองทั้งหมด

“เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันในระดับท้องถิ่น อันจะนำไปสู่ความสำเร็จ และสามารถแก้ไขปัญหาการเข้าถึงบริการและคุณภาพข้อมูลสุขภาพของเด็กประถมศึกษาได้อย่างยั่งยืน” นพ.กฤชกล่าว