TK park ร่วมกับ สนง.สถิติฯ เผยผลสำรวจการอ่านคนไทย 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 66 นาทีต่อวัน จากปี 2556 อยู่ที่ 37 นาทีต่อวัน


สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK park) จับมือสำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยผลสำรวจการอ่านปี 2558 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันพุธที่ 30 มีนาคม 2559 โดยเป็นที่น่ายินดี พบว่าคนไทยใช้เวลาอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้นเป็น 66 นาทีต่อวัน

กลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มที่มีอัตราการอ่านสูงสุดในทุกวัย แต่อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปมีอัตราแนวโน้มในการอ่านโดยรวมลดลงเล็กน้อย 

โดยนางปัทมา อมรสิริสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักสถิติสังคม แถลงผลสำรวจสถิติการอ่านหนังสือของประชากร พ.ศ.2558 ว่า สถิติการอ่านของประชากรไทย จัดทำขึ้นโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติทุกรอบ 2 ปี ซึ่งเป็นการสำรวจพฤติกรรมการอ่านของประชากรช่วงนอกเวลาเรียน เวลาทำงาน เป็นการหนังสือหรือบทความทุกประเภท ทั้งที่เป็นรูปเล่ม เอกสาร หรือสื่อิเล็กทรอนิกส์

ข่าวการศึกษา โดยปี พ.ศ.2558 เป็นปีแรกที่ได้ขยายคำนิยามการอ่านในการสำรวจ ให้รวมการอ่านข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ (เช่น Facebook Line Instagram Twitter ฯลฯ) SMS และ E-mail ด้วย ยกเว้นการอ่านข้อความเพื่อการสนทนาหรือติดต่อสื่อสาร ซึ่งทำการสำรวจจากประชากรตัวอย่าง 55,920 ครัวเรือน โดยเก็บรวบรวมข้อมูลเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2558

สรุปผลการสำรวจที่สำคัญได้ดังนี้ ในการอ่านของเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เด็กเล็กที่อ่าน (ทั้งอ่านด้วยตัวเองหรือผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง) มีประมาณ 2.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 60.2 โดยเด็กผู้หญิงมีอัตราการอ่านสูงกว่าเด็กผู้ชายเล็กน้อย คือร้อยละ 60.9 และร้อยละ 59.5

โดยเด็กเล็กในกรุงเทพมหานคร มีอัตราการอ่านสูงสุด คือร้อยละ 73.8 ขณะที่ภาคตะวันออก-เฉียงเหนือ เด็กเล็กมีอัตราการอ่านต่ำสุด คือร้อยละ 55.9

นอกจากนี้ เมื่อศึกษาเปรียบเทียบกับปี 2556 พบว่าเด็กเล็กใช้เวลาอ่านนานขึ้น 7 นาทีต่อวัน คือจาก 27 นาทีเพิ่มเป็น 34 นาที แต่มีความถี่ในการอ่านลดลง และมีผู้ใหญ่ซื้อหนังสือที่เป็นรูปเล่มให้ลดลงจากปี 2556 คือจากร้อยละ 82.6 เหลือ ร้อยละ 78.5 ในปี 2558 และสำหรับเหตุผลของการไม่อ่าน ส่วนใหญ่เป็นเพราะทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็กคิดว่าเด็กยังเล็กเกินไป

ข่าวการศึกษา ในส่วนการอ่านของประชากรอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป พบว่ามีอัตราการอ่านลดลงจากร้อยละ 81.8 ในปี 2556 เป็นร้อยละ 77.7 ในปี 2558 (ลดลงร้อยละ 4.1) โดยมีอัตราการอ่านลดลงในทุกกลุ่มวัย โดยกลุ่มวัยเด็ก (6-14 ปี) และ กลุ่มเยาวชน (15-24 ปี) มีอัตราการอ่านสูงใกล้เคียงกันคือร้อยละ 90.7 และ 89.6 รองลงมาคือ กลุ่มวัยทำงาน (25-29 ปี) คือร้อยละ 79.1 และต่ำสุดคือกลุ่มวัยสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) คือร้อยละ 52.8

ด้านประเภทของหนังสือที่อ่าน หนังสือพิมพ์เป็นประเภทของหนังสือที่มีผู้อ่านสูงสุด คือ ร้อยละ 67.3 รองลงมาคือ ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ /SMS  /E-mail  คือ ร้อยละ 51.6 โดยประเภทสื่อที่ประชากรกลุ่มนี้เกือบทุกคนนิยมอ่านคือ รูปเล่มหนังสือหรือเอกสาร ร้อยละ 96.1 รองลงมาคือสื่อสังคมออนไลน์ ร้อยละ 45.5 และเว็บไซต์ ร้อยละ 17.5 ซึ่งเนื้อหาสาระที่ผู้อ่านชอบอ่านมากที่สุด คือ ข่าว สารคดี และความรู้ทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 48.5 เท่ากัน

โดยเวลาเฉลี่ยที่ใช้อ่านเฉลี่ย 1 ชั่วโมง 6 นาทีต่อวัน หรือ 66 นาทีต่อวัน (เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่อยู่ที่ 37 นาทีต่อวัน) โดยกลุ่มเยาวชนใช้เวลาอ่านมากที่สุด เฉลี่ย 1 ชั่วโมง 34 นาทีต่อวัน หรือ 94 นาที กลุ่มวัยเด็กและวัยทำงานใช้เวลาอ่านเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 1 ชั่วโมงเล็กน้อย

ส่วนวัยสูงอายุใช้เวลาอ่านน้อยที่สุดเฉลี่ย 44 นาทีต่อวัน ซึ่งการที่ทุกวัยใช้เวลาอ่านเพิ่มขึ้น อาจเนื่องจากปี 2558 ได้เพิ่มการอ่านข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ /SMS  /E-mail ด้วย โดยกลุ่มวัยเยาวชนใช้เวลาอ่านเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 44 นาที ต่อวัน

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่ามีผู้ไม่อ่านถึงร้อยละ 22.3 หรือ 13.9 ล้านคน โดยสาเหตุของการไม่อ่านคือ ชอบดูโทรทัศน์ ร้อยละ 41.9 ไม่มีเวลาอ่าน ร้อยละ 24.6 ไม่ชอบอ่าน ร้อยละ 24.8 และ อ่านหนังสือไม่ออก ร้อยละ 20.6

ข่าวการศึกษา และท้ายสุดข้อมูลสถิติยังกล่าวถึงนโยบายการสนับสนุนการอ่านว่า วิธีการรณรงค์ให้คนรักการอ่านที่ดีที่สุดคือ ปลูกฝังให้รักการอ่านผ่านพ่อ แม่ และครอบครัว, ให้สถานศึกษามีการรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน, รูปเล่มและเนื้อหาน่าสนใจ หรือใช้ภาษาง่ายๆ ส่งเสริมให้มีห้องสมุด ห้องสมุดเคลื่อนที่ มุมอ่านหนังสือในชุมชน หรือพื้นที่สาธารณะ และทำให้หนังสือสามารถหาซื้อหรือเข้าถึงได้ง่าย

ข้อมูลดังกล่าวจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้และเป็นเครื่องมือหาแนวทางเพื่อส่งเสริมการอ่าน ความรู้ และความเข้าใจของประชากร เพื่อสนับสนุนแนวทางการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างยุทธศาสตร์ เป้าหมายการดำเนินงานของสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับการพัฒนาตามความเป็นจริง

ด้าน นายราเมศ พรหมเย็น รักษาการรองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ กล่าวว่า สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ได้ร่วมมือกับสำนักงานสถิติแห่งชาติในครั้งนี้ โดยมุ่งหวังจะให้ข้อมูลแก่ทุกภาคส่วนเกิดการรับรู้ และตระหนักถึงสถานการณ์การอ่านของประเทศ

และมีการปรับเปลี่ยนข้อคำถามในเครื่องมือแบบสำรวจให้สอดคล้องกับองค์ความรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอ่านมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

สำนักงานอุทยานการเรียนรู้เชื่อว่า นิสัยรักการอ่าน การแสวงหาความรู้ตลอดชีวิต จะเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของทรัพยากรบุคคลของประเทศ ที่จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของสังคมไทยให้สามารถเทียบเคียงได้กับนานาประเทศต่อไปในอนาคต

หากกล่าวโดยรวมถึงข้อมูลการสำรวจล่าสุด จะเห็นได้ว่าการอ่านของประชากรมีจำนวนค่อนข้างสูง (77.7%) ตัวเลขอาจลดลงจากสถิติเมื่อสองปีก่อนบ้างเล็กน้อย (81.8%) แต่ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านก็มากขึ้นเกือบเท่าตัว (จาก 37 นาทีต่อวัน เป็น 66 นาทีต่อวัน) ซึ่งแน่นอนว่าบทบาทของสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีส่วนทำให้ระยะเวลาการอ่านเพิ่มสูงขึ้น เป็นสังคมก้มหน้าดังเช่นที่มีผู้วิจารณ์กัน

เพราะมากกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างที่อ่าน ระบุว่าอ่านผ่านสื่อออนไลน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่หนังสือกระดาษยังคงเป็นรูปแบบสื่อที่ครองความนิยมของนักอ่านอยู่ถึงกว่า 96.1%

อย่างไรก็ตาม ปริมาณคนอ่านจะมากหรือน้อย ใช้เวลาอ่านนานมากหรือน้อย อ่านจากสื่อประเภทใด เป็นประเด็นที่พึงให้ความสนใจอยู่ระดับหนึ่ง แต่ยังมีประเด็นด้านกลับที่ชวนให้เราต้องขุดค้นและใคร่ครวญถึงให้มากยิ่งกว่าข้อมูลด้านบวก

อาทิเช่น ประชากรที่ไม่อ่านคือใครหรือคนกลุ่มใด เหตุผลหรือข้อจำกัดใดที่ทำให้ไม่อ่าน วิธีการส่งเสริมปลูกฝังนิสัยรักการอ่านในคนกลุ่มที่ไม่อ่านควรเป็นอย่างไร เราจะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำหรือโอกาสในการเข้าถึงหนังสือ ข้อมูลสารสนเทศ และการอ่านได้อย่างไร เป็นต้น

ตนเชื่อว่าการมีข้อมูลและใช้ข้อมูลเป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงาน ด้วยการคิดวิเคราะห์อย่างรอบด้านทุกแง่ทุกมุม จะทำให้หน่วยงานด้านส่งเสริมการอ่าน สามารถค้นหาและค้นพบแนวทางเพื่อส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ที่สอดคล้องตรงกับสภาพความเป็นจริงได้มากขึ้น

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การรายงานผลสำรวจการอ่านของประชากร การเสวนาแนวโน้มพฤติกรรมการอ่าน และนิทรรศการสถิติการอ่านในวันนี้ จะช่วยจุดประกายให้ทุกภาคส่วนเกิดความตื่นตัว และให้ความสำคัญกับการรณรงค์เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับประชากรในทุกช่วงวัยอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ จะมีการจัดแสดงนิทรรศการชุด “สถิติการอ่านของคนไทย พ.ศ.2558” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 3 โซน Eden ระหว่างวันที่ 1-4 เมษายน 2559 เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนผู้สนใจได้เข้าชมกันอย่างกว้างขวาง