การุณ-สพฐ.เสี่ยงโดนฟ้อง! แฉหนังสือ สพร.ระบุ “นิติกร-วงประชุม สวก.” ค้านชี้นำ ร.ร.เลือกซื้อตำราองค์การค้าฯ


ข่าวการศึกษา ความคืบหน้ากรณีนายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ลงนามในหนังสือที่ ศธ 04006/ ว2107 แจ้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขตทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา อ้างว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เห็นชอบแนวทางแจ้งให้สถานศึกษาในสังกัดที่ต้องการจัดซื้อแบบเรียน ให้พิจารณาสนับสนุนองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เป็นลำดับแรก ท่ามกลางเสียงร้องเรียนคัดค้านจากกลุ่มสำนักพิมพ์เอกชนว่า ขัดต่อ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 64 ที่ให้เปิดเสรี และขัดระเบียบ ข้อบังคับ ศธ. ที่ให้เป็นเสรีภาพในการพิจารณาคัดเลือกกับคณะกรรมการสถานศึกษา ร่วมกับภาคี 4 ฝ่าย (ครู ผู้ปกครอง กรรมการนักเรียน และผู้แทนชุมชน)

ต่อมามีกระแสข่าวว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่ ตผ 0020/ 1330 ประทับ “ลับมาก” เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2558 ส่งถึงเลขาธิการ กพฐ. เตือนให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการจัดซื้อหนังสือของโรงเรียนในสังกัดให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งให้แจ้งผลการพิจารณาพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องและรับรองสำเนาถูกต้องส่งให้แก่ สตง. เพื่อประกอบการตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542

ข่าวการศึกษา อย่างไรก็ตาม นายการุณได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกับสื่อมวลชนหลังจากนั้นว่า ตนได้รับหนังสือจาก สตง.จริง และ สพฐ.ได้ทำหนังสือชี้แจงตอบกลับไปยัง สตง.เรียบร้อยแล้วว่า “ตามหลักการและเหตุผลการให้โรงเรียนพิจารณาซื้อหนังสือเรียนจากองค์การค้าฯเป็นลำดับแรกนั้น ไม่ใช่การผูกขาดการซื้อขายกับองค์การค้าฯ เพราะยังเปิดช่องให้โรงเรียนเลือกซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์เอกชนรายอื่นได้ ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย”

กระนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 แหล่งข่าวในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากใน ศธ. โดยเฉพาะในหมู่ข้าราชการ สพฐ. ทำนองว่า ตามที่นายการุณได้ลงนามในหนังสือที่ ศธ 04006/ ว2107 แจ้ง สพท.ทุกเขต แจ้งให้สถานศึกษาในสังกัดที่ต้องการจัดซื้อแบบเรียนให้พิจารณาสนับสนุนองค์การค้าฯเป็นอันดับแรก ส่อว่าอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายจริง

ข่าวการศึกษา ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา นางเพ็ญแข แต่งจันทร์ นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (รอง ผอ.สพร.) สพฐ. รักษาราชการแทน ผอ.สพร. ได้ลงนามในหนังสือบันทึกข้อความส่วนราชการ สพร. เรื่องการจัดซื้อหนังสือเรียนของโรงเรียนในสังกัด สพฐ. แจ้งไปยัง ผอ.สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) สพฐ.

หนังสือของ สพร.ฉบับนี้ ระบุว่า “ตามที่ สวก.ได้สรุปข้อมูล พร้อมทั้งเอกสารประกอบการพิจารณา กรณีสมาคมผู้ผลิตและจำหน่ายสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา และ สตง.ได้มีหนังสือถึง สพฐ. ขอความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดซื้อหนังสือเรียน จึงขอให้ สพร.พิจารณาเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเสนอแนะแนวทางการตอบข้อซักถามของสมาคมผู้ผลิตและจำหน่ายสื่อฯ และ สตง. รวมทั้งเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น”

“สพร.โดยกลุ่มวิจัยพัฒนากฎหมาย คดีความและนิติการ พิจารณาแล้วขอเรียนว่า กรณีดังกล่าว สวก.เคยเชิญ สคส. สนผ. และ สพร. (นิติกร จำนวน 3 คน) เข้าร่วมประชุมพิจารณาเกี่ยวกับหนังสือ สพฐ.ที่ ศธ 04006/ ว2107 ซึ่งนิติกรผู้แทน สพร.ได้ให้ความเห็นเสนอให้ทบทวนข้อความว่า “ให้พิจารณาสนับสนุนต่อองค์การค้าฯเป็นลำดับแรก” และที่ประชุมในขณะนั้นมีมติว่า เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ป้องกันการฟ้องร้องจากผู้มีส่วนได้เสีย เห็นควรทบทวนและพิจารณาข้อความดังกล่าว ประกอบหนังสือ สพฐ.ที่ ศธ 04006/ ว2107 ฉบับดังกล่าวที่ได้แจ้งไปยัง สพท.แล้ว”

ในหนังสือบันทึกข้อความของ สพร.ฉบับนี้ ระบุตอนท้ายว่า “ดังนั้น สพร.จึงขอยืนยันความเห็นตามที่ได้เสนอต่อที่ประชุมในครั้งนั้น”

แหล่งข่าวใน ศธ.คนเดิม กล่าวด้วยว่า จากความเห็นของนิติกรที่เสนอให้ทบทวนข้อความว่า “ให้พิจารณาสนับสนุนต่อองค์การค้าฯเป็นลำดับแรก” และในที่ประชุม สวก., สคส., สนผ. และ สพร.เกี่ยวกับหนังสือ สพฐ.ที่ ศธ 04006/ ว2107 ดังกล่าวยังได้ลงมติชัดเจนว่า เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ป้องกันการฟ้องร้องจากผู้มีส่วนได้เสีย จึงเห็นควรทบทวนข้อความนั้น นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใน ศธ.ขณะนี้ด้วยว่า อาจจะเป็นช่องทางที่ทำให้สำนักพิมพ์เอกชนต่างๆ ตัดสินใจยื่นฟ้องร้องนายการุณ และ สพฐ.ได้