“นายกฯลุงตู่” ให้โอวาท เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2559


พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. และผู้บริหาร ศธ. นำเด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ รวมจำนวน 772 คน เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2559 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา

รัฐมนตรีว่าการ ศธ.กล่าวรายงานการจัดงานว่า ในนามของกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2559 พร้อมทั้งเด็กและเยาวชนจากทั่วประเทศ ขอกราบขอบพระคุณนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างยิ่ง ที่ให้โอกาสเข้าเยี่ยมคารวะในครั้งนี้

มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้กระทำความดีในด้านต่างๆ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชนในอนาคต และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ กระตุ้นให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญ ตลอดจนปลูกฝังให้มีส่วนร่วมในสังคม เป็นกำลังสำคัญของชาติ เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตามคำขวัญวันเด็กประจำปี 2559 ที่ว่า “เด็กดี หมั่นเพียร เรียนรู้ สู่อนาคต”

สำหรับการดำเนินงานในครั้งนี้ คณะกรรมการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2559 มีมติให้นำเด็กและเยาวชนผู้ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 772 คน เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจากนายกรัฐมนตรี พร้อมรับมอบโล่รางวัล โดยมีเด็กและเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกใน 2 ประเภท ได้แก่

1) เด็กและเยาวชนดีเด่น ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงยุติธรรม, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรุงเทพมหานคร, สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน, สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และธนาคารออมสิน รวม 544 คน

โดยพิจารณาคัดเลือกจากเด็กและเยาวชนที่มีความประพฤติดี เรียนดี มีคุณธรรมจริยธรรม มีความขยัน ประหยัด กตัญญู ช่วยเหลือพ่อแม่ ผู้ปกครอง และอุทิศตนเพื่อส่วนรวม

2) เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยพิจารณาคัดเลือกจากเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติใน 5 ด้าน รวม 228 คน ได้แก่ ด้านวิชาการ 82 คน ด้านศิลปะและดนตรี 67 คน ด้านคุณธรรมและจริยธรรม 28 คน ด้านกีฬาและนันทนาการ 46 คน และด้านทักษะฝีมืออาชีพ 5 คน

นับเป็นโอกาสอันสำคัญของเด็กและเยาวชนที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะและรับฟังโอวาทจากนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจแก่เด็กและเยาวชนต่อไป

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีและให้โอวาทมีใจความตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีกับเด็กและเยาวชนทุกคนที่ได้รับรางวัลอันน่าภาคภูมิใจในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจในตัวเองแล้ว ยังสร้างความภูมิใจให้กับครอบครัว ครูอาจารย์ สังคม และประเทศชาติด้วย จึงขอให้ทุกคนรักษาความดีและช่วยนำพาเพื่อนคนอื่นให้ดีและเก่งตามเราไปด้วย

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญและเป็นตัวชี้วัดความเจริญก้าวหน้าของทุกประเทศ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถไม่น้อยกว่าประเทศใดๆ ตลอดจนมีเอกลักษณ์ของความเป็นไทยที่โดดเด่น

ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนน้อมถ่อมตน มีวัฒนธรรม/ประเพณีที่ดีงาม บ้านเมืองน่าอยู่อาศัย และสิ่งสำคัญคือคนไทยเป็นคนโอบอ้อมอารีมีน้ำใจ แต่มีความละเอียดอ่อนทางความรู้สึก จึงขอให้ทุกคนใช้เหตุใช้ผล ชื่นชมในสิ่งที่ดีงาม และยอมรับความแตกต่างกันด้วย

ทั้งนี้ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จำเป็นต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศทั้งในวันนี้และในอนาคต โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการศึกษา ที่จะต้องพัฒนาหลักสูตรการศึกษาทุกระบบให้ดีขึ้นเพื่อพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต ผลิตฝีมือแรงงานให้เพียงพอกับปริมาณความต้องการในปัจจุบัน และให้ตรงกับความต้องการของตลาดในอนาคต สร้างคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค การวิจัยและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ

ตลอดจนถึงการปฏิรูปการศึกษา ที่ทุกภาคส่วนต้องเข้าร่วมปฏิรูปจึงจะประสบความสำเร็จ เพื่อให้สามารถเดินหน้าเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่จะเกิดความร่วมมือที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะบริเวณชายแดนของประเทศไทยที่จะต้องมีสร้างการพัฒนา สร้างการเรียนรู้ และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน อันจะนำไปสู่การลดความขัดแย้งต่อไป

นอกจากนี้ จะต้องสร้างการเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตด้วย เพราะในปัจจุบันสังคมเรามีการแข่งขันในทุกด้านและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นขอให้ทุกคนพัฒนาตัวเองไปพร้อมๆ กับการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในขณะนี้ในประเทศไทยและทั่วโลกมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติไม่เพียงพอต่อความต้องการ

จึงขอให้เด็กและเยาวชนใช้ชีวิตอยู่บนความพอเพียง รู้จักความพอประมาณ และใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล เพื่อไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับพ่อแม่ รวมทั้งต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ และช่วยรัฐบาลประหยัดงบประมาณด้านสาธารณสุขได้อีกทางหนึ่งด้วย

“เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ วันที่ 9 มกราคม 2559 ขอให้เป็นก้าวมกราคมแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ของทุกคน รวมถึงเปลี่ยนแปลงความคิด สมรรถภาพร่างกาย และเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น พร้อมกับส่งความปรารถนาดีไปยังเด็กไทยทุกคนทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงบุคลากรการศึกษาให้ประสบแต่ความสุข ทำงานให้สำเร็จ และขอให้เด็กและเยาวชนคิดและทำในสิ่งที่เป็นไปได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว