“...ถ้าครูไม่ห่วงประโยชน์ที่ควรจะห่วง หันไปห่วงอำนาจ ห่วงตำแหน่ง ห่วงสิทธิ์และห่วงรายได้กันมากเข้าๆแล้ว จะเอาจิตเอาใจที่ไหนมาห่วงความรู้ ความดี ความเจริญของเด็ก ความห่วงในสิ่งเหล่านั้นก็จะค่อยๆบั่นทอนทำลายความเป็นครูไปจนหมดสิ้น จะไม่มีอะไรเหลือไว้พอที่ตัวเองจะภาคภูมิใจ หรือผูกใจใครไว้ได้ ความเป็นครูก็จะไม่มีค่าเหลืออยู่ให้เป็นที่เคารพบูชาอีกต่อไป...”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ครูอาวุโส ในโอกาสเข้าเฝ้าฯวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2521
ในโอกาสวันที่ 5 ธันวาคม 2558 เป็นวัน มหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 88 พรรษา ในฐานะพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐด้วยทั้งพระราชอัธยาศัย พระราชจริยวัตรอันงดงาม พระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่ไพศาลต่ออาณาประชาราษฎร์ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารอย่างเสมอภาคกัน
ทรงครองแผ่นดินด้วยทรงตั้งมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมอย่างเคร่งครัดจนเป็นที่ประจักษ์แจ้งทั้งของพสกนิกรไทยและในนานาอารยประเทศทั้งหลาย
ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ไพศาลที่ทรงมีต่ออาณาประชาราษฎร์ทุกหมู่เหล่า เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการพัฒนาการศึกษาของประชาชนในชาติ ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่มานับแต่ทรงครองสิริราชสมบัติตราบจนปัจจุบัน ผ่านพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ ผ่านพระราชดำริ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอันล้วนเป็นต้นแบบสำคัญของการเป็นแหล่งเรียนรู้ในวงการศึกษาไทย ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของพสกนิกรไทยและชาวต่างชาติ
โดยทรงศึกษา ค้นคว้า พัฒนา จนเป็นแบบอย่างของการศึกษาที่สมบูรณ์ที่มิใช่เพื่อประโยชน์เฉพาะของพสกนิกรชาวไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ท่านเท่านั้น หากแต่ยังเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการศึกษาเรียนรู้ของมวลมนุษยชาติในฐานะพลเมืองของโลกอีกด้วย
พระเกียรติคุณดังกล่าวนี้นอกจากเป็นที่ประจักษ์ชัดในดวงใจของเหล่าพสกนิกรชาวไทยแล้ว ยังเป็นที่ประจักษ์แจ้งต่อนานาอารยประเทศ สถาบันระหว่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ ที่น้อมเกล้าฯถวายรางวัลเฉลิมพระเกียรติมากกว่า 40 รางวัลปริญญาดุษฎีบัณฑิตกตติมศักดิ์จากสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกในหลากหลายสาขา
ในรัชสมัยของพระองค์ การศึกษาของไทยพัฒนาก้าวหน้าครอบคลุมทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งเป็นคุณประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยและการศึกษาไทยที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์การพัฒนาของประเทศไทย
ความเจริญก้าวหน้าดังกล่าวเนื่องมาจากพระปรีชาญาณในความเป็นครูและมีพระราชวิสัยทัศน์ที่ทรงมองเห็นความสำคัญของการศึกษาในอนาคตว่ามีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและศักยภาพของมนุษย์ ให้มีความเจริญก้าวหน้าเต็มตามศักยภาพของแต่ละบุคคล
พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัตินอกจากในฐานะพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพสูงสุดของปวงชนชาวไทยแล้ว ยังทรงเป็นครูของแผ่นดิน ซึ่งเป็นที่เทิดทูนของพสกนิกรชาวไทยและเป็นที่น้อมเคารพของนานาอารยประเทศทั้งหลายในโลกอีกด้วย
ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 นี้ในนามประชาชนคนไทยขอร่วมเฉลิมพระเกียรติ ประกาศเทิดทูนพระเกียรติคุณผ่านบทความที่มีการบันทึกไว้ในหนังสือ “พระผู้ทรงเป็นครูของแผ่นดิน” ที่ดำเนินการจัดทำโดยกระทรวงศึกษาธิการ
ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2553 ถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็นครูของแผ่นดิน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2554 และเพื่อความเป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่พสกนิกรชาวไทยสืบไปตลอดกาลนาน
.........................................................
พระผูทรงเป็นครูฯการศึกษาในระบบ
พระราชกรณียกิจในส่วนที่เกี่ยวกับการศึกษาในระบบโรงเรียนนั้น เริ่มจากในพ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งโรงเรียนจิตรลดาขึ้นสำหรับพระรชโอรสพระราชธิดา บุตรข้าราชบริพารในพระราชวัง ตลอดจนเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้ร่วมเรียนด้วย
และเมื่อพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรและหน่วยปฏิบัติการทหาร ตำรวจตามบริเวณชายแดนทุรกันดารอยู่เนืองๆ ทำให้ทรงทราบถึงปัญหาการขาดแคลนที่เรียนของเด็กและเยาวชน อันเนื่องมาจากการให้บริการของรัฐไม่ทั่วถึง และมีปัญหาเรื่องความแตกแยกในอุดมการณ์ทางการเมือง ทำให้เยาวชนบางส่วนขาดโอกาสทางการศึกษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริให้ทหารช่วยก่อสร้างโรงเรียนเพื่อให้ทหารมีส่วนช่วยเหลือด้านการศึกษาตามโอกาสอันควรให้แก่ประชาชน โดยทรงมอบหมายให้แม่ทัพภาคเป็นแกนนำในการก่อสร้างโรงเรียนในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สนับสนุนการก่อสร้างโรงเรียน
โรงเรียนดังกล่าวพระราชทานนามว่า “โรงเรียนร่มเกล้า” นอกจากนี้พระองค์ยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์เพื่อร่วมสร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสำหรับชาวไทยภูเขาที่อาศัยอยู่ในดินแดนทุรกันดารไกลการคมนาคม มีชื่อเรียกว่า “โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์”และโรงเรียนอื่นๆอีกเป็นจำนวนมากที่ตั้งขึ้นตามพระราชดำริ
โรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริ
โรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริและอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์เพื่อให้เป็นสถานศึกษาสำหรับบุตรหลานข้าราชบริพารและแก่เยาวชนทั่วไป โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ช่วยเหลือ ทรงอุปถัมภ์หรือทรงให้คำแนะนำ ทั้งยังได้เสด็จพรราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียน พระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อสนับสนุนและทรงเป็นกำลังใจแก่ครูและนักเรียนเป็นประจำมีจำนวน 104 โรง
โรงเรียนจิตรลดา กลุ่มโรงเรียนราชวินิต โรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจนในพระบรมราชูปถัมภ์ กลุ่มโรงเรียนร่มเกล้า โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ โรงเรียนวังไกลกังวล โรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
มีโรงเรียนที่จัดตั้งตามพระราชดำริและอยู่ในความดูแลของมูลนิธิหรือองค์กรต่างๆได้แก่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์
โรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัในวโรกาสต่างๆเช่น โรงเรียนรัชดาภิเษก จำนวน 10 โรงเรียน โรงเรียนนวมินทราชูทิศ 5 โรงเรียน โรงเรียนรัชมังคลาภิเษก จำนวน 33 โรงเรียน โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เป็นโรงเรียนที่พระราชทานนาม โดยต่อท้ายด้วยชื่อจังหวัดมี 9 โรงเรียน