ตามรอยพระยุคลบาท...ครูแห่งแผ่นดิน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

สุขทั้งแผ่นดิน/เสกสรร  สิทธาคม

            เรื่องนี้ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล  เขียนคำนำไว้ในหนังสือ“ตามรอยพระยุคลบาท...ครูแห่งแผ่นดิน”  ขออนุญาตนำเสนอสู่ผู้อ่านในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา  88  พรรษา  2558  เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยอย่างมิทรงคำนึงถึงความสุขส่วนพระองค์เลยแม้แต่น้อย

            ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล  ในฐานะรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท  และได้บรรยายไว้หลายครั้งในหลายโอกาสว่าได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงสอนงานที่จะทำประโยชน์ให้ประชาชนทุกอย่าง  จึงได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและตระหนักในสำนึกเป็นอย่างยิ่งว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือครูของแผ่นดิน  โดยได้กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณในเรื่องนี้ไว้โดยสรุปดังนี้

            “ผมได้เข้าถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านพัฒนาการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ตั้งแต่พ.ศ.๒๕๑๔  ขณะนั้นผมดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองวางแผนเตรียมพร้อมด้านเศรษฐกิจ  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและได้ถวายงานเรื่อยมาในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(เลขาธิการกปร.)  เป็นระยะเวลา  ๑๘  ปีจนกระทั่งลาออกจากราชการในพ.ศ.๒๕๔๒

สุขทั้งแผ่นดิน

            อย่างไรก็ตาม  ระหว่างที่รับราชการอยู่นั้น  ในพ.ศ.๒๕๓๑  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจัดตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา  พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์  และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งผมเป็นเลขาธิการมูลนิธิฯ  เพราะฉะนั้นเมื่อลาออกจากราชการแล้วผมก็ยังคงทำงานมูลนิธิชัยพัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

            หากถามผมว่า  ผมได้รับความประทับใจอะไรบ้างในการถวายงาน  ผมคงจะตอบว่า  ในฐานะส่วนตัวผมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อตัวผม  และในฐานะเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง  ผมซาบซึ้งในในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยและประเทศชาติ

            ตั้งแต่ผมถวายงานและตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกสารทิศ  แม้ว่าพระองค์ทรงเป็นประมุขของประเทศ  แต่ผมสังเกตเห็นความยากลำบากที่ทรงตรากตรำพระวรกาย  ทรงเหน็ดเหนื่อย  พระองค์ทรงลุยบุกป่าฝ่าดงถ้าตรงจุดใดในทั่วราชอาณาจักรไทยมีปัญหา  พระองค์ทรงพร้อมที่จะเสด็จฯไปแก้ไขด้วยพระองค์เอง

            “ทั้งนี้ไม่ว่าพระองค์จะทรงย่างพระบาทไปในพื้นที่ใดบนผืนแผ่นดินไทย  ทุกแห่งคือผืนแผ่นดินของพระองค์และพระองค์คือพระเจ้าแผ่นดินของประชาชน  และประชาชนทุกหมู่เหล่าไม่ว่าพื้นที่ใดบนแผ่นดินนี้คือพสกนิกรของพระองค์”

           สุขทั้งแผ่นดิน ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาหาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีหลายประเภท  ทั้งด้านเศรษฐกิจ  สังคมและการเมือง  ในฐานะประมุขของประเทศพระองค์ทรงแบบรับภาระทั้งหลายทั้งปวงเป็นเวลานานในปริมาณมาก  พระองค์ทรงใช้หลักธรรมาภิบาลในการครองแผ่นดิน  ธรรมาภิบาลของพระองค์คือทศพิธราชธรรมซึ่งทรงยึดถือและทรงปฏิบัติตามมาโดยตลอด

            ตั้งแต่ผมเริ่มถวายงาน  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นต้นแบบในทุกเรื่อง  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดำเนินชีวิต  การใช้สติปัญญา  การทุ่มเทในการทำงานเพื่อผู้อื่น  พระองค์ทรงสอนหมด  ถ้าพลาดเรื่องใดทรงแนะนำเสมอ

            อย่างเช่นเรื่องการเกษตร  ผมไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน  ผมตามเสด็จฯเข้าไปในพื้นที่ขึ้นเขาลงห้วย  สนุกทุกวัน  ได้ถวายงานในการทำประโยชน์ให้กับพี่น้องร่วมประเทศได้เห็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตจากพระราชจริยวัตรอันงดงามของพระองค์  พระองค์ทรงอดทนมาก  พระองค์เสด็จพระราชดำเนินระยะทางเป็นกิโลเมตรๆ  ไม่ทรงสนพระราชหฤทัยว่าการเดินทางจะยากลำบากเพียงใด  จะขึ้นเขาหรือลงห้วยฝนจะตกแดดจะออก

            พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรักแผ่นดิน  ทรงรักประชาชน  ทรงทำทุกอย่างให้แผ่นดินไทย  ให้ประชาชนชาวไทย  ขณะที่เสด็จแปรพระราชฐานได้ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ของประชาชน  ประชาชนเมื่อมาเฝ้าฯรับเสด็จก็จะกราบบังคมทูลถึงปัญหาต่างๆซึ่งพระองค์ทรงรับฟังปัญหาจากปากคำของพสกนิกรด้วยพระองค์เอง  ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงรับฟังปัญหาและทรงเข้าไปแก้ไข  ไม่ทรงวางเผย

           สุขทั้งแผ่นดิน ผมคิดว่านับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์มาจนถึงปัจจุบัน  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงช่วยเหลือประชาชนไทยมากมายสุดที่จะพรรณนาในทุกๆด้านที่ประชาชนและประเทศประสบปัญหา  แม้ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช  แต่ทรงติดตามงานในทุกเรื่องและทุกด้านตลอดเวลาทุกวัน

            ครั้งใดที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเสด็จฯไปยังพื้นที่ใดก็ทรงกลับมากราบบังคมทูลรายงาน  พระองค์ก็จะมีรับสั่งแนะนำตลอด  ส่วนงานอื่นๆก็จะทรงใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเป็นเครื่องมือในการติดตามงานและทรงเรียกข้อมูลมาดูได้ตลอดเวลา

            ผู้คนทั่วโลกขนานพระนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “The  Great  King “เพราะพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทำงานและทรงเสียสละพระองค์เองตลอดเวลา  คนทั่วโลกขนานพระนามพระองค์ว่า “Working  Monarch”เพราะพระองค์ทรงทำงานด้วยความเหนื่อยยาก

            พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการเทิดพระเกียรติเป็นพระบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย  พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย  พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย  พระบิดาแห่งฝนหลวง  และเมื่อวันที่  ๑๖  มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔  ที่ผ่านมาทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน”

            หลักการสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือ พระองค์จะทรงเน้นการปฏิบัติให้ลูกศิษย์ดู  และจูงใจนักเรียนให้มาสนใจ  แต่ไม่เคยทรงสั่งหรือทรงบังคับให้ทำ  จะทรงสอนอย่างละเอียดให้เข้าใจทุกแง่มุม  และที่สำคัญทรงเน้นเสมอว่า  การสอนควรยึดรากฐานเดิมของสังคมไทยไว้  ไม่ควรคัดลอกจากต่างประเทศมากเกินไป  แต่อาจนำหลักการมาเปรียบเทียบปรับปรุงได้  เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ขาดความเป็นตัวของตัวเอง  ซึ่งที่ผ่านมาพระองค์พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆขึ้นมามาก  ซึ่งถ้าสนใจศึกษาโครงการฯที่พระองค์พระราชทานจะได้รับความรู้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายและสอดคล้องกับวิถีชีวิตไทยและภูมิประเทศในบ้านเรา

             ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรในวาระเฉลิมพระชนมพรรษา  88 พรรษา  ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน 

            ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ