2 รมต.ศธ.ตรวจเยี่ยมโรงเรียนใน จ.สกลนคร เผยเตรียมกำหนดเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะครูผู้สอนใหม่


พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และนายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนในจังหวัดสกลนคร เมื่อเร็วๆ นี้

โดย พล.อ.ดาว์พงษ์ไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านนาคำวิทยาคาร อ.เมืองสกลนคร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สกลนคร เขต 1 ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา โดยมีนายเทวรัฐ โตไทยะ ผู้อำนวยการ สพป.สกลนคร เขต 1 พร้อมด้วยนายประสพ มาศมูล ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู และนักเรียนให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ได้รับฟังรายงานผลการดำเนินงานและข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินกิจกรรมตามโครงการ "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" ซึ่งทางโรงเรียนได้สมัครเข้าร่วมโครงการนำร่อง และได้เริ่มต้นโครงการมาตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนทั้งสิ้น 210 คน จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3

ส่วนนายแพทย์ธีระเกียรติเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนท่าแร่ศึกษา อ.เมืองสกลนคร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 23 โดยมีนายพีระศักดิ์ เหิรเมฆ ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู และนักเรียนให้การต้อนรับ ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.ได้รับฟังสภาพปัญหาความต้องการของโรงเรียน ซึ่งจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นม.1 ถึงม.6 โดยในพื้นที่ดังกล่าวมีนักเรียนที่นับถือทั้งศาสนาพุทธและคริสต์ แต่นักเรียนทุกคนต่างให้ความเคารพในทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน

สำหรับสภาพปัญหาของโรงเรียน ปัจจุบันขาดแคลนครูผู้สอนที่ตรงตามสาขาวิชาเอก โดยเฉพาะภาษาต่างประเทศ จึงได้เสนอขออัตรากำลังไปยังเขตพื้นที่การศึกษา ระหว่างนี้ได้แก้ไขปัญหาโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ามาช่วยสอน นอกจากนี้ โรงเรียนยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างอาคารโรงอาหารสำหรับนักเรียนและครู จึงขอรับการสนับสนุนในส่วนนี้ด้วย

นายแพทย์ธีระเกียรติกล่าวว่า ต้องการมาให้กำลังใจในการทำงานและความเสียสละของครูผู้สอนทุกท่าน ซึ่งข้อมูลและปัญหาต่างๆ ที่ได้รับฟัง จะนำไปพิจารณาแก้ไขปัญหาให้ในเชิงระบบ เพราะผู้บริหารและครูในโรงเรียนเหล่านี้จะแบกรับปัญหาต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการพยายามจะลดภาระของครูผู้สอน เช่น การประเมินภายนอกของสถานศึกษาที่ สมศ.จะต้องไปกำหนดตัวชี้วัดใหม่ในการประเมินให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและขนาดของโรงเรียนที่แตกต่างกัน และระบบการประกันคุณภาพที่ดีจะต้องดูจากสภาพจริง และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของแต่ละโรงเรียน ระบบการประเมินจะต้องไม่เป็นทาสกระดาษที่ต้องใช้เอกสารจำนวนมากมายอีกต่อไป

นอกจากนี้ จะมีการกำหนดเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะของครูผู้สอนใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิดความยุติธรรมและผูกติดกับครูที่อยู่ในห้องเรียนและทำงานมากๆ ซึ่งแนวทางที่ปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่ จะต้องสอดคล้องกับ 3 ข้อ คือ 1) การที่ครูจะต้องไม่เบียดบังเวลาสอนเด็กนักเรียน 2) ให้มีมาตรฐานทางวิชาการและมาตรฐานทางจิตวิญญาณความเป็นครู 3) กลุ่มเป้าหมายครูแต่ละลักษณะทั้ง 3 กลุ่ม อาจมีวิธีไม่เหมือนกัน แตกต่างกันได้ และควรหลอมรวมเกณฑ์ต่างๆ ให้เหลือเกณฑ์ใหม่เพียงรูปแบบเดียว

“ในส่วนของการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ โรงเรียนขนาดเล็กๆ อาจไม่มีงบประมาณจ้างครูต่างชาติมาช่วยสอน เพราะค่าจ้างแพง จึงอาจใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยสอน” นพ.ธีระเกียรติกล่าว และว่า หากทางโรงเรียนมีความจำเป็นเรื่องใดๆ ที่ต้องให้ส่วนกลางรับรู้ ก็ให้ส่งข้อมูลไปยังรัฐมนตรีได้โดยตรงที่ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300