สุขทั้งแผ่นดิน/เสกสรร สิทธาคม
“...บ้านเมืองไทยของเรานี้ ถึงจะมีรายได้ทางอื่นอยู่มาก แต่ก็ต้องถือว่าเลี้ยงตัวอยู่ได้ด้วยการเกษตร ดังนั้นจึงมีความจำเป็นตลอดไปที่จะทำนุบำรุงเกษตรกรรมทุกสาขาพร้อมกับเกษตรกรทุกระดับให้พัฒนาก้าวหน้าอยู่เสมอ เพื่อให้การผลิตมีคุณภาพสูงขึ้น โดยไม่ผลาญทรัพยากรให้เปลืองเปล่า หากแต่ให้ได้ผลผลิตเพียงพอและจำหน่ายได้ดี มีรายได้ทวีขึ้น จึงจะช่วยให้เกษตรกรซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ และเป็นกำลังสำคัญของประเทศมีฐานะความเป็นอยู่ที่มั่นคงแจ่มใส แล้วทำให้ประเทศชาติสุขสมบูรณ์ขึ้นได้...”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"...การศึกษา เป็นปัจจัยหลักในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ตลอดจนความประพฤติ
และคุณงามความดีของบุคคล ให้บุคคลดำรงตนอยู่ในสังคมและในโลกได้อย่างมั่นคงและมีความสงบร่มเย็นได้ แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วเพียงใดก็ตาม..."
พระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
ที่ผ่านมาผมไปจังหวัดอุบลราชธานีมีที่หมายอยู่สองสามแห่งที่ไปเยือน เป็นต้นว่าวิทยาลัยอาชีวอุบลราชธานีที่จะได้สัมผัสการจัดการเรียนการสอนที่เน้นปลูกฝังหล่อหลอมหลักการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ไปในเรื่องของการติดตามอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำสนองพระมหากรุณาธิคุณ “น้ำคือชีวิต”กับกรมทรัพยากรน้ำ แล้วก็ไปในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริออื่นๆที่พระราชทานเป็นแม่แบบเพื่อราษฎรน้อมนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพดำเนินชีวิตโดยไปกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงานกปร.
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ก็ไปเยือนวิทยาลัยอาชีวอุบลฯอีกเพียงแต่คราวนี้แค่การอาศัยพักที่โรงแรมติ๊กของวิทยาลัย และขอให้เป็นธุระภารกิจประสานวิทยาเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานีเพื่อไปดูกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา 2 เมษายน 2558
โดยได้รับการอนุเคราะห์จากท่านผู้อำนวยการดร.ธนกร ไชยกูล แม้มิได้มาดูแลด้วยตัวเองเพราะติดราชการ ก็ให้รองผู้อำนวยการสองท่านอนุเคราะห์ดูแลแทนคือรอง สุภาภรณ์ บุปผาพรหม และรอง เพ็ญใจ ชัยวงศ์ โดยเฉพาะอนุเคราะห์ พาไปเยือนวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี ที่ตั้งอยู่นอกเมือง ณ ตำบลหนองขอน เพื่อให้ไปสัมผัสวิถีแห่งการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นหลักแห่งปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขับเคลื่อนขยายผลสู่นักเรียนนักศึกษาเป็นสำคัญ ผ่านหลักสูตรเกี่ยวข้องกับการเกษตรทุกหลักสูตร
แล้วที่เน้นว่าขอให้ไปเยือนไปสัมผัสแล้วนำมาเผยแพร่สู่กันคือการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา 2 เมษายน 2558 ดังเกริ่นไปข้างต้น เป็นกิจกรรมที่เน้นย้ำให้เกิดการเกื้อกูลทั้งตัวเยาวชนและประชาชนทั่วไปในด้านการมีทักษะในทางอาชีพและการให้ความรู้เพิ่มด้านอาชีพเสริม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในด้านของอาชีพการเกษตร รวมถึงการปลูกสำนึกแห่งความสำคัญอาชีพเกษตรกรรม ที่สำคัญไม่แพ้กันคือปลูกสำนึกในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมอันกล่าวได้ว่าเป็นการดำเนินการสนองพระมหากรุณาธิคุณ ผ่านโครงการ “ไม้สีม่วงอย่างเช่นบัวเผื่อนสีม่วงที่ให้ชื่อไว้ว่าม่วงกษัตริย์”เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
เป็นกิจกรรมหนึ่งในการสนองโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนฯ
การไปจังหวัดอุบลฯหนนี้จึงเน้นไปเยือนวิทยาลัยเกษตรฯอุบลฯไปสัมผัสโครงการที่วิทยาลัยร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินการเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ในโอกาสมหามงคลดังกล่าว โดยได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูลจากผู้อำนวยการ นายวีระพันธุ์ สำเภานนท์
ผอ.วีระพันธุ์บอกว่าในโอกาสปีนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีทรงเจริญพระชนมายุครบ60พรรษา 2 เมษายน 2558 เป็นสิริมงคลในนามองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี (อกท.) ได้รวมพลังทำกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติมากมาย เริ่มตั้งแต่รวมกันทำพิธีถวายราชสักการะแล้วก็กิจกรรมอื่นๆ เฉพาะในส่วนของแต่ละวิทยาลัยเกษตรฯก็ดำเนินการกันตามแต่ว่าแห่งไหนจะทำอะไร
วีระพันธุ์ สำเภานนท์ ผู้อำนวยการ สีหน้าภาคภูมิใจบอกว่า เฉพาะวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลฯได้ร่วมกับจังหวัด สนองพระมหากรุณาธิคุณโครงการสวนพฤกษศาสตร์ตามพระราชดำริฯปลูกบัวสีม่วงที่แหล่งน้ำสาธารณะบึงหนองขอนด้านหน้าวิทยาลัย เนื้อที่ 500 ไร่ โดยอบต.ชาวบ้านมีส่วนร่วมกับครูอาจรย์ นักเรียนนักศึกษาเพื่อเฉลิมพระเกียรติโดยพร้อมเพรียงกัน
“ในส่วนพื้นที่วิทยาลัยได้อนุรักษ์พัฒนาบัวสีม่วงซึ่งเป็นบัวที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นโดยทางวิทยาลัยเรียกว่า “ม่วงกษัตริย์ ”โดยมีแผนไว้ว่าจะให้เป็นแหล่งศึกษาวิจัยของนักเรียนนักศึกษา และผู้สนใจเพื่อที่จะค้นหาคุณสมบัติและประโยชน์ที่อาจจะพัฒนาสายพันธุ์เป็นเชิงเศรษฐกิจได้ ณ วันนี้ได้ร่วมกับจังหวัดสนองพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเทพฯในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชคือการสำรวจบัว และการปลูกรักษาพัฒนาพันธุ์บัว และในปี59 จะสร้างพิพะธภัณฑ์บัวในวิทยาลัย”
ฟังจาก ผอ.วีระพันธุ์ได้ความว่ากิจกรรมที่วิทยาลัยวางไว้ให้เกิดความเคลื่อนไหวต่อเนื่องโดยเฉพาะสำหรับนักเรียนนักศึกษาและบุคลากรอย่างโครงการปลูกจิตสำนึกผ่านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชที่กำลังเสนอโครงการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนตามแนวพระราชดำริซึ่งอยู่ในขั้นตอนเสนอขอป้ายประเมิน
เป็นโครงการที่ไม่ได้ทำแบบโดดเดี่ยวภายในรั้ววิทยาลัย แต่ร่วมกับจังหวัด ร่วมกับชาวอุบลฯคือการสำรวจพันธุกรรมบัว การปลูกรักษาบัวไว้ให้เป็นสัญลักษณ์จังหวัดเมืองดอกบัวงาม ซึ่งแหล่งหนึ่งที่ดำเนินการคือที่บึงหนองขอนแหล่งน้ำสาธารณะข้างวิทยาลัยและในพื้นที่แหล่งน้ำในรั้ววิทยาลัย
“ในการสนองพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี วิทยาลัยมิได้ดำเนินการเฉพาะในช่วงเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา 2 เมษยน 2558 แต่ได้สนองพระมหากรุณาธิคุณมาอย่างต่อเนื่อง
ได้เกื้อกูลสนับสนุนรร.ตชด.ในจังหวัด 7 แห่งทุกปีโดยส่งครูอาจารย์ นักศึกษาไปช่วยสอนวิธีปลูกพืชผักทั้งแก่นักเรียนและผู้ปกครอง เช่นการเพาะเห็ด โดยแนะนำให้ใช้เห็ดที่มีอยู่ในธรรมชาติพื้นถิ่นเป็นหลักเพราะชาวบ้านรู้จักอยู่แล้วเพื่อมีอาหารไว้กิน ในเวลาเดียวกันก็สามารถทำมีรายได้เสริมผ่อนคลายปัญหาเศรษฐกิจในครัวเรือนได้”
ถึงตรงนี้นายวีระพันธุ์ สำเภานนท์ ผอ.วิทยาลัยเกษตรฯถ่ายทอดความรู้สึกจากหัวใจว่าในนามของวิทยาลัยเกษตรทั่วประเทศหรืออกท.ที่ทรงเป็นองค์ประธาน รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อการเรียนการสอนสายอาชีวะ เฉพาะอย่างยิ่งวิทยาลัยเกษตรฯ และทรงหวังที่จะให้วิทยาเกษตรฯของกรมอาชีวะได้มีบทบาทในการสร้างความยั่งยืนให้แก่ภาคอาชีพเกษตร ได้เกื้อกูลเยาวชนในท้องถิ่นในภูมิภาค เพราะทรงเห็นว่าวิทยาเกษตรฯอยู่ใกล้ชิดประชาชนอยู่แล้วในชนบทอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เยาวชนก็ไม่ค่อยเลือกเรียนสายเกษตร จึงทรงอยากให้ช่วยสร้างความภาคภูมิใจให้การเรียนสายนี้เพื่อสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่
ทำให้ชาวอาชีวะซาบซึ้งในพระเมตตาและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ได้รวมหัวใจขอพระราชานุญาตถวายพระราชสมัญญาว่า “ทูลกระหม่อมแก้ว”
วิทยาลัยเกษตรฯอุบลฯมีพื้นที่ป่าราวๆ 700 ไร่รวมทั้งแหล่งน้ำด้วยที่กรมทรัพยากรน้ำเคยมาขุดลอกให้ มีไม้ดั้งเดิมพื้นถิ่นขนาดใหญ่อยู่จำนวนมากเช่นต้นเปลือยที่เรียกว่าป่าดงเปลือย ต้นกระบก ต้นยางนาอันเป็นไม้ประจำวิทยาลัย
ก่อนล่ำลาอาจารย์ที่เกี่ยวข้องพาชมพื้นที่น้ำแหล่งบัวม่วงกษัตริย์และป่าไม้ แหล่งพื้นที่เกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ฯในรั้ววิทยาลัยอันกว้างใหญ่ไพศาล
.....................................