รมว.ศธ.ปลื้มตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่เชียงใหม่ พร้อมนำร่อง "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้"


เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ จ.เชียงใหม่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. ตรวจเยี่ยมโรงเรียนวัดช่างเคี่ยน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ (สพป.) เขต 1 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีความพร้อมสมัครเข้าร่วมโครงการนำร่องตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ (Moderate Class More Knowledge) ซึ่งโรงเรียนวัดช่างเคี่ยน อ.เมืองเชียงใหม่ เป็น 1 ใน 9 โรงเรียนของ สพป.เชียงใหม่ เขต 1 ที่เข้าร่วมโครงการนำร่อง

โรงเรียนวัดช่างเคี่ยน เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 395 คน ครู 24 คน สอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1-มัธยมศึกษาปีที่ 3 มีเขตพื้นที่บริการ 6 หมู่บ้าน และเป็นโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวม สำหรับเด็กปกติ และเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ทางการเรียนรู้ ออทิสติก ด้านร่างกาย และพฤติกรรม รวมทั้งเคยได้รับรางวัลพระราชทาน ดีเด่น และรางวัลชนะเลิศทั้งในระดับชาติและนานาชาติ โดยมีนายประวัติ ผันผาย เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน และนางอารีย์ หมื่นแจ่ม เป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียน

พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า จากการรับฟังผู้บริหารโรงเรียน และศึกษานิเทศก์ที่ผ่านการอบรมเป็น Smart Trainer : ผู้นำการนิเทศการจัดกิจกรรม "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" 1 ใน 300 ทีมทั่วประเทศ เพื่อทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำกับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศในระยะแรกกว่า 3,800 แห่ง ทำให้เห็นว่าโรงเรียนนี้มีความพร้อมมาก โดยสิ่งแรกที่โรงเรียนดำเนินการก่อนที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการ คือ สำรวจความต้องการของเด็ก ซึ่งจากการสำรวจรายด้านพบว่า ต้องการร่วมกิจกรรมภาควิชาการมากที่สุด ร้อยละ 49 โรงเรียนจึงได้เตรียมจัดเมนูกิจกรรมหลากหลายไว้แล้ว เช่น เชิญวิทยากรต่างชาติมาช่วยสอนภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม ให้นักเรียนเรียนทักษะด้านอาชีพตามผลสำรวจที่เด็กสนใจมากที่สุด คือ สาขาช่างซ่อมเครื่องยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้า ช่างไฟฟ้า ฯลฯ เพราะเด็กที่จบจากโรงเรียนแห่งนี้มากกว่าร้อยละ 70 เลือกเรียนต่อในระดับอาชีวศึกษา

ส่วนกิจกรรมด้านทักษะ เด็กในโรงเรียนนี้สนใจที่จะเรียนดนตรีสากลมากที่สุด รองลงมาคือวงดุริยางค์ ดนตรีพื้นเมือง ฯลฯ ซึ่งขณะนี้โรงเรียนได้จัดส่งแบบสอบถามดังกล่าวไปให้ผู้ปกครองรับทราบร่วมกันแล้ว นอกจากนี้ โรงเรียนได้จัดทำปฏิทินเตรียมความพร้อมของโครงการไว้แล้ว คือ 16-17 ตุลาคม 2558 ให้ครูทุกคนร่วมรับฟังประชุมชี้แจงทางไกล, 19-22 ตุลาคม 2558 จะมีการปรับปรุงหลักสูตร, 26-28 ตุลาคม 2558 โรงเรียนมีการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, 1 พฤศจิกายน 2558 เริ่มทดลองใช้หลักสูตร, 21-25 ธันวาคม 2558 ติดตามผล ประเมินผลระหว่างดำเนินการ, 1-5 มีนาคม 2559 ติดตามผล ประเมินผล สรุปผลการดำเนินการโครงการ

รัฐมนตรีว่าการ ศธ.กล่าวด้วยว่า โรงเรียนนี้ถือว่ามีความพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการได้จริง และได้ย้ำให้โรงเรียนเลือกเมนูกิจกรรมหลากหลาย ที่จะช่วยเสริมทักษะหลักสำหรับเด็กทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านสติปัญญา (Head) ที่จะช่วยฝึกให้เด็กคิดเป็น วิเคราะห์เป็น มากกว่าแค่ท่องจำ คือสามารถนำไปประยุกต์ใช้ วิเคราะห์และสังเคราะห์ได้ 2) ด้านทัศนคติ (Heart) จะต้องปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เคารพกฎกติกา และมีระเบียบวินัยควบคู่ไปด้วย 3) ด้านเรียนรู้และปฏิบัติจริง (Hand) ที่เปิดโอกาสให้ได้ฝึกปฏิบัติและเรียนรู้ด้วยตนเอง 4) ด้านสุขภาพ (Health) เพื่อให้เด็กได้ฝึกซ้อมการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง