แม่ผู้ให้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด


สุขทั้งแผ่นดิน/เสกสรร  สิทธาคม


            ยังอยู่ในบรรยากาศวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม 2558 

            ในนามพสกนิกรชาวไทยขอแสดงออกซึ่งความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทยตลอดมา โดยมิทรงคำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ด้วยทรงตั้งพระราชปณิธานที่ทรงบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรของพระองค์ ขอร่วมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลดังกล่าว โดยการถ่ายทอดพระมหากรุณาธิคุณที่ทรง “ให้” แก่ราษฎรของพระองค์ ด้วยทรงมุ่งหวังจะทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยมิทรงหวังสิ่งตอบแทน อันนับว่าเป็นส่วนกระตุ้นให้คนไทยเห็นคุณค่าการให้ ด้วยมุมสัมผัสพระมหากรุณาธิคุณของสุดารัตน์ กันทาใจ

             ณ บ้านหนองแข้ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เสียงกระทบจากกี่ทอผ้าที่ดังเป็นจังหวะ เป็นเสียงที่ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้คุ้นชินมาหลายช่วงอายุคนแล้ว กี่ทอผ้าของกลุ่มทอผ้าบ้านหนองแข้เป็นส่วนหนึ่งของกี่ทอผ้านับหมื่นนับพันหลังที่สร้างรายได้และชุบชีวิตให้แก่ราษฎรสมาชิกศิลปาชีพมาเป็นเวลาหลายสิบปี นับตั้งแต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรผ้าซิ่นไหมที่ถักทอโดยฝีมือชาวบ้าน ณ หมู่บ้านแห่งนี้ และมีพระราชดำริให้ฟื้นฟูศิลปะการทอผ้าของราษฎรทั่วประเทศ เพื่อสืบสานศิลปหัตถกรรมท้องถิ่นและอนุรักษ์ผ้าไทยที่กำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลา ให้กลายมาเป็นแหล่งสร้างรายได้สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ราษฎร

แม่ผู้ให้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

            ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2521 ชาวบ้านหนองแข้ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร ยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมายังหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อมีพระราชปฏิสันถารกับนางไท้ แสงวงศ์ และนางทุ้ม พรหมดี สองพี่น้องที่นุ่งซิ่นไหมผืนงามไปเฝ้าฯรับเสด็จในวันก่อนหน้า จนประทับพระราชหฤหัยตั้งแต่แรกทอดพระเนตร เป็นเหตุให้เสด็จพระราชดำเนินมาถึงเรือนของสองพี่น้องด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงใช้บันไดที่พาดเป็นมุมฉากจากพื้นดิน เสด็จขึ้นไปยังพื้นเรือนชานเพื่อทอดพระเนตรความงดงามของผ้าไหมจำนวนมากที่นางทุ้มและนางไท้ทอไว้สวมใส่เอง ทรงเห็นว่าฝีมือการทอผ้าและลวดลายโบราณบนผ้าเป็นสิ่งที่ควรอนุรักษ์ไว้ ทรงขอให้ชาวบ้านทอผ้าไหมแบบต่างๆ ทูลเกล้าฯถวาย โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ให้เป็นสิ่งตอบแทน

           แม่ผู้ให้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด หลังจากนั้น ก็ได้เสด็จฯไปทอดพระเนตรผลงานของช่างทอผ้าบ้านหนองแข้อีกถึง 2 ครั้ง เป็นที่มาของพระราชดำริในการพัฒนางานศิลปาชีพและอนุรักษ์ผ้าไทยให้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 30 ปี แต่ลูกหลานของนางไท้และนางทุ้มที่บ้านหนองแข้ก็ยังคงสืบสานการทอผ้าไหมมัดหมี่อันเป็นภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน 

            ก่อนหน้านั้น ชาวไทยส่วนใหญ่คงไม่มีใครนึกภาพออกว่า กี่ทอผ้าที่ตั้งอยู่ใต้ถุนเรือน ซึ่งปกติแล้วจะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อเจ้าของว่างเว้นจากการเกษตรหรืองานประจำ และมีประโยชน์ในการทอเส้นด้ายแต่ละเส้นให้กลายเป็นผ้านุ่ง ผ้าขาวม้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน จะสามารถกลายเป็นเครื่องมือสร้างรายได้และสร้างชีวิตให้แก่ราษฎรสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาได้อย่างไร

            แม่เกษมณี อุ่นแก้ว สมาชิกศิลปาชีพ อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาจนสามารถลืมตาอ้าปากได้ จากที่เคยประกอบอาชีพรับจ้างก่อสร้างเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว เคยลำบากไม่มีกินจนต้องแบ่งมะละกอเพื่อทำส้มตำเป็นอาหารถึง 3 มื้อ เมื่อได้กลับมายังบ้านเกิดและได้รับแรงบันดาลใจจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงใช้ความขยันและอดทนเรียนรู้งานทอผ้าและปักผ้าจากแม่ของตน จนเป็นหนึ่งในสมาชิกศิลปาชีพ และลูกๆ ของแม่เกษมณีเองก็ต้องช่วยแม่ปั่นเส้นไหมเพื่อนำมาทอผ้าทุกวัน จนไม่มีโอกาสได้วิ่งเล่นเหมือนเด็กทั่วไป เพราะกระบวนการทอผ้าเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยเวลาและความอดทนพยายาม สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้แม่เกษมณีและครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายในปัจจุบัน หากมีใครถามถึงที่มาของการประกอบอาชีพทอผ้า แม่เกษมณีมักจะบอกเล่าพร้อมน้ำตาแห่งความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณทุกครั้ง

            “ไข่มุก” นางสาวชุติกาญจน์ ตันติรัตนเกตุ นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล คนรุ่นใหม่ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นภาพการเสด็จฯไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเช่นในอดีต แต่มีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการเยาวชนจิตอาสารุ่นที่ 3 และเข้าไปอาศัยอยู่กับครอบครัวแม่เกษมณีเป็นเวลา 12 วัน ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการทอผ้าตั้งแต่การเลี้ยงหนอนไหมไปจนถึงการทอเป็นผ้าแต่ละผืน “ไข่มุก” กล่าวด้วยความประทับใจเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้จากแม่เกษมณีว่า

            “...ได้เห็นคุณค่าว่า กว่าจะได้ไหมแต่ละเส้น ผ้าแต่ละผืน ต้องใช้เวลาและความอดทนมาก ต้องเลี้ยงไหมแต่ละระยะ มาสาวไหม ฟอกสี ย้อมสี กว่าจะเข้ากี่ทอผ้าจนได้ผ้าแต่ละผืน ลำบากมากจริงๆ บอกตัวเองว่าต่อไปจะอุดหนุนผลิตภัณฑ์ผ้าของชาวบ้านให้มากขึ้น...”

         สุขทั้งแผ่นดิน   แม่โสภา  แก้วมะ สมาชิกศิลปาชีพอำเภอสว่างแดนดินอีกคนหนึ่ง เป็นตัวอย่างของผู้ที่เคยไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีทรัพย์สินเป็นของตนเอง จนได้รับพระราชทานกี่ทอผ้าเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพสร้างรายได้ อาศัยการทอผ้าเป็นอาชีพหลักในการเลี้ยงดูครอบครัว และได้รับเงินและรางวัลจากการประกวดทอผ้ามามากมาย จากกี่ทอผ้าพระราชทานอายุหลายสิบปี ปัจจุบันแม่โสภามีบ้านที่สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง มีที่ดินประกอบการเกษตร มีกินมีใช้ ไม่มีหนี้สิน มีเงินเก็บ และใช้ชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ปัจจุบันแม้ลูกๆ ของแม่โสภาจะเติบโตมีรายได้เลี้ยงดูพ่อแม่ไม่ให้ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อย แต่แม่โสภาก็ยังคงหมั่นทอผ้าอยู่ทุกวันไม่มีหยุด ด้วยหัวใจแห่งศิลปินทอผ้าและด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยตั้งปณิธานว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานพระราชดำริไปจนกว่าจะไม่มีแรงยกกี่ทอผ้า

            เยาวชนจิตอาสาเพื่อเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริรุ่นที่ 3 อีกคน คือ “เตย” นางสาวธมน ดวงใจ นิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้มีโอกาสเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงจากแม่โสภาเป็นเวลา 12 วัน นอกเหนือจากสิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวพระราชดำริและพระมหากรุณาแล้ว สิ่งที่เตยได้ซึมซับและประทับใจมากที่สุด คือ “การให้” โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนของแม่โสภา ที่ได้ซึมซับเอาพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถที่ทรง “ให้” ราษฎรของพระองค์โดยมิทรงหวังสิ่งตอบแทน ทั้งการให้ความรู้ ให้ความรักดูแลเอาใจใส่แก่เยาวชนที่มาอาศัยเรียนรู้ เป็นการให้จากคนที่เคยได้รับ เมื่อรู้สึกว่ามีพอเพียงแล้ว ก็พร้อมจะให้ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จนสร้างแรงบันดาลในการ “ให้” แก่ผู้อื่นต่อไป

            “...ได้เห็นและได้เข้าใจแล้วว่า การให้คือสิ่งที่มีค่าและยิ่งใหญ่ที่สุด สัญญาว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เติบโตและขยายกิ่งก้านสาขาในทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้ให้กับผู้อื่นต่อไป...”

            พระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ว่า ”ขาดทุนของฉัน คือกำไรของแผ่นดิน”  บัดนี้ได้เห็นผลเป็นรูปธรรมแล้ว จากกี่ทอผ้าพระราชทานที่ให้ชีวิตใหม่แก่ราษฎรที่เป็นกี่ทอผ้าที่ให้อนาคตแก่อีกหลายชีวิตในครอบครัว และได้สร้าง “การให้” ที่ส่งต่อไปยังผู้คนรอบข้างอย่างไม่สิ้นสุ จากครอบครัวสู่สังคม และสู่ประเทศชาติ เป็นการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนอย่างที่พระองค์ทรงทำเป็นแบบอย่างนั่นเอง

            ในนามของ SiamEduNews.com และประชาชนคนไทยขอถวายพระพร “พระแม่แห่งแผ่นดินผู้ทรงให้ลูกลูกที่ไม่มีวันสิ้นสุด” ขอให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ