ไฟเขียวหลักเกณฑ์-วิธีการย้ายตำแหน่งครูฉบับใหม่ เริ่มยื่นคำร้องตั้งแต่เดือนมกราคม 59


พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ก.ค.ศ.ครั้งที่ 8/2558 เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู (สายงานการสอน) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยให้ผู้ประสงค์ขอย้ายสามารถยื่นคำร้องขอย้ายตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ที่กำหนดไว้เดิม ตามหลักเกณฑ์ ว8/2549 ได้อีกเพียง 1 ครั้ง ในระหว่างวันที่ 1-15 สิงหาคม 2558    หลังจากนั้นให้ยื่นคำร้องขอย้ายตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯที่กำหนดใหม่นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใหม่ มีดังนี้

การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู มี 3 กรณี คือ 1) การย้ายกรณีปกติ เป็นการย้ายตามคำร้องขอย้าย สามารถยื่นคำร้องขอย้ายได้ปีละ 1 ครั้ง ในเดือนมกราคมของทุกปี โดยให้ยื่นคำร้องได้เพียงเขตพื้นที่การศึกษาเดียว 2) การย้ายกรณีพิเศษ เป็นการย้ายตามคำร้องขอย้าย สามารถยื่นคำร้องขอย้ายได้ตลอดปี พร้อมหลักฐานของทางราชการหรือทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ความเห็นและคำรับรองของผู้บังคับบัญชาชั้นต้น

3) การย้ายกรณีเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ เพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการในสถานศึกษา หรือเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา หรือเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังของสถานศึกษา 3.1 การย้ายเพื่อแก้ปัญหาในการบริหารจัดการในสถานศึกษา  ให้คำนึงถึงความเหมาะสม ประโยชน์ของทางราชการ และความเป็นธรรมแก่ผู้นั้นด้วย โดยให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงก่อนมีการดำเนินการย้าย 3.2 การย้ายเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือส่วนราชการ พิจารณาย้ายผู้มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ หรือวิชาเอกตรงตามความจำเป็นไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาใหม่ได้ โดยเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายก่อนเสนอ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาให้ความเห็นชอบ

3.3 การย้ายเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังของสถานศึกษา กรณีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือส่วนราชการ เห็นว่าสถานศึกษาใดมีอัตรากำลังเกินกรอบอัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด และเป็นตำแหน่งที่มีคนครองให้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง และ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา โดยตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือน และ 3.4 การย้ายเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ  ให้พิจารณาจากคำร้องขอย้าย หรือหากมีกรณีที่ไม่จำเป็นต้องมีคำร้องขอย้าย ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย

สำหรับคุณสมบัติผู้ขอย้ายกรณีปกติ ได้ปฏิบัติงานในตำแหน่งครูในสถานศึกษาปัจจุบันติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ส่วนครูผู้ช่วยจะต้องปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาปัจจุบันไม่น้อยกว่า 4 ปี (ครูผู้ช่วย 2 ปี + ครู 2 ปี = 4 ปี) และไม่อยู่ระหว่างลาศึกษาต่อเต็มเวลา ส่วนการย้ายสับเปลี่ยนกับตำแหน่งที่มีคนครอง ในวันที่ยื่นคำร้องขอย้ายต้องมีอายุราชการเหลือไม่น้อยกว่า 2 เดือน นับถึงวันที่ 30 กันยายนของปีที่ครบเกษียณอายุราชการ



การพิจารณาคำร้องขอย้าย 1) การย้ายกรณีปกติ ให้ใช้พิจารณาย้ายปีละ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในเดือนเมษายน ครั้งที่ 2 ในเดือนกันยายน เว้นแต่มีเหตุผลความจำเป็นเป็นพิเศษ อาจพิจารณาการย้ายมากกว่า 1 ครั้งก็ได้ และใช้พิจารณาย้ายได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของปีเดียวกัน 2) การย้ายกรณีพิเศษ ให้ใช้พิจารณาได้ตลอดปี 3) การย้ายกรณีเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ ให้ใช้พิจารณาได้ตลอดปี

ส่วนองค์ประกอบการพิจารณาย้าย ให้ยึดหลักธรรมาภิบาล หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และคำนึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ โดยพิจารณาจาก 1.ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ หรือวิชาเอก ตามความจำเป็นของสถานศึกษา 2.ลำดับสถานศึกษาที่ผู้ขอย้ายมีความประสงค์จะย้ายไปปฏิบัติงาน 3.ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาปัจจุบัน 4.สภาพความยากลำบากในการปฏิบัติงานในสถานศึกษาปัจจุบัน 5.เหตุผลการขอย้าย 6.ความอาวุโสตามหลักราชการ และ 7.ความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา