วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ขอถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


สุขทั้งแผ่นดิน/เสกสรร  สิทธาคม

 

                วันที่  28  กรกฎาคมเป็นวันมิ่งมหามงคลที่สำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง คือเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร       

            สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระองค์ทรงพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17 นาฬิกา 45 นาที ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต นับแต่ทรงพระเยาว์ตราบจนปัจจุบันพระองค์ทรงเดินตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยตามเสด็จไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยทรงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตพสกนิกรไทยให้อยู่ดีกินดีมีความสุขอย่างยั่งยืน จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยในด้านต่างๆ เพื่อให้พสกนิกรภายใต้พระบารมีต่างมีความอยู่เย็นเป็นสุขถ้วนหน้า

            ดั่งพระราชดำรัส ซึ่งแสดงถึงน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงมุ่งมั่นจะบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชนชาวไทย พระราชทานเมื่อครั้งที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้ถวายสัตย์ปฎิญาณในการพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ความว่า

             “ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกระทำสัตย์ปฎิญาณสาบานต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย เฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงค์ เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากรท่ามกลางสันนิบาตนี้ว่า  ข้าพเจ้าผู้เป็นสยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานไว้ด้วยชีวิต จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถ และโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุขและความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่

วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ  ขอถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนา

            บัดนี้ได้เป็นที่ประจักษ์ว่า ตลอดระยะเวลานับแต่ยังทรงพระเยาว์ตราบจนปัจจุบัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงยึดมั่นในพระปฎิญญา ทรงพระวิริยะอุตสาหะ  มุ่งมั่นปฎิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง โดยมิได้ทรงย่อท้อ พระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทย

            ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข นั้น ทรงตระหนักว่า สุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชน เป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคลอันมีคุณภาพไว้เป็นพลังในการพัฒนาประเทศ จึงทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น เมื่อรัฐบาลได้น้อมเกล้าฯถวายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เนื่องในพระราชพิธีอภิเษกสมรส จำนวน 21 แห่งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ พระองค์ก็ได้ทรงพระอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงพยาบาลสม่ำเสมอ

นอกจากนี้พระองค์ยังพระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนให้มีอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัย เพื่อสามารถให้บริการที่ดีแก่ประชาชน และเมื่อ พ.ศ.2537 ทรงรับเป็นประธานกรรมการอำนวยการจัดสร้างอาคารศูนย์โรคหัวใจ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เป็นต้น

            ในด้านการศึกษา ทรงรับโรงเรียนมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร 6 โรงเรียนไว้ในพระราชูปถัมภ์ ได้แก่ โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา จังหวัดนครพนม กำแพงเพชร สุราษฎร์ธานี โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี จังหวัดอุดรธานี สงขลา และฉะเชิงเทรา และพระราชทานวัสดุอุปกรณ์การศึกษาอันทันสมัย ทรงส่งเสริมให้โรงเรียนดำเนินโครงการอันเป็นประโยชน์แก่นักเรียน ทรงติดตามผลการศึกษาเสมอ ด้วยน้ำพระหฤทัยที่ทรงพระเมตตาห่วงใยเยาวชนผู้ด้อยโอกาส

 ในด้านอุดมศึกษา พระองค์ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของมหาวิทยาลัยต่างๆ ปีละเป็นจำนวนมากทุกปี

             ด้านสังคมสงเคราะห์ ทรงพระกรุณาห่วงใยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่ด้อยโอกาสและขาดแคลน ได้ทรงพระอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมชุมชนแออัดในกรุงเทพฯหลายแห่ง เช่น ชุมชนแออัดเขตพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา เป็นต้น

ทรงพระกรุณาพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องกีฬา เครื่องดับเพลิง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กรมทหารในบังคับบัญชาของพระองค์ ร่วมกับประชาชนพัฒนาสิ่งแวดล้อม ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการของชุมชน เช่น โครงการพัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลน โครงการปราบปรามยาเสพติดในหมู่เยาวชนในชุมชนแออัดคลองเตย เพื่อให้เยาวชนผู้ด้อยโอกาสเหล่านั้นเติบโตเป็นพลเมืองดี และเป็นทรัพยากรบุคคลทีมีคุณค่าในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

            ด้านการต่างประเทศ ทรงพระวิริยะอุตสาหะประกอบพระราชกรณียกิจสำคัญๆ ในการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆ เสมอมา ได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเยือนมิตรประเทศทั่วทุกทวีปอย่างเป็นทางการเป็นประจำทุกปี ปีละหลายครั้ง และระหว่างประทับอยู่ในประเทศนั้นๆ นอกจากทรงมุ่งมั่นที่จะทรงเจริญสัมพันธไมตรีแล้ว ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการทอดพระเนตรและศึกษากิจกรรมต่างๆ ที่จะทรงนำมาเป็นประโยชน์ในการพัฒนาบ้านเมืองไทยด้วย เช่น เสด็จฯไปทรงเยี่ยมชมกิจการทหาร การจราจรทางอากาศ เมื่อทรงเยือนประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ทอดพระเนตรสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรม กิจกรรมด้านอุตสาหกรรม และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เมื่อทรงเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมศรีลังกา ทอดพระเนตรการดำเนินงานด้านการป้องกันสาธารณภัย ที่ประเทศเกาหลี เป็นต้น

วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ  ขอถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนา

            ในด้านการเกษตรกรรม ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อส่งเสริมด้านการเกษตรกรรมอันเป็นอาชีพหลักของปวงชนชาวไทยตลอดมา เช่น

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2529 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำปุ๋ยหมักเป็นปฐมฤกษ์จากผักตบชวา และพืชอื่นๆ ณ บ้านแหลมสะแก ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช และได้เสด็จฯไปทรงเป็นประธานในการทำนาสาธิตโดยใช้ปุ๋ยหมัก ณ ตำบลดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี อันแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยะภาพอย่างที่สุด

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2529 ได้เสด็จฯไปทรงปฏิบัติการสาธิตการทำนาด้วยพระองค์เอง เมื่อพระราชทานอุปกรณ์การทำนา พันธุ์ข้าวปลูก และปุ๋ยหมัก ให้ข้าราชการผู้ใหญ่ไปดำเนินการสาธิตแล้ว ได้ทรงถอดฉลองพระบาท ถลกพระสนับเพลา ทรงพระดำเนินลุยโคลน ทรงหว่านพันธุ์ข้าวปลูกและปุ๋ยหมักในแปลงนาสาธิต โดยมิได้ทรงมีกำหนดการไว้ก่อน ยังความชื่นชมโสมนัสปลาบปลื้มปิติและซาบซึ้งในพระราชจริยวัตรแก่บรรดาข้าราชการและประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองพระบาทในพิธีการวันนั้นเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีพระราชดำริให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้จัดตั้งคลีนิกเกษตรกรรมขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศ

            ในด้านการพระศาสนา ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2509 และมีพระราชศรัทธาทรงออกผนวชในพระบวรพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2521 ระหว่างทรงผนวช ทรงศึกษาและปฎิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกิจทางศาสนาเป็นประจำเสมอ

            ด้านการทหาร ทรงสนพระราชหฤทัยในวิทยาการด้านการทหารมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ นอกจากทรงรับการศึกษาทางด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียแล้ว ยังทรงพระวิริยะอุตสาหะในการเพิ่มพูนความรู้และพระประสบการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในด้านวิทยาการการบิน ทรงเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอช – 1 เอช และหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี แบบ เอ เอช – 1 เอส คอบรา นอกจากนั้น ยังทรงเข้าศึกษาหลักสูตรต่างๆ ทางด้านการบินอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะเห็นได้ว่า พระองค์ท่านมีพระประสบการณ์และทรงเชี่ยวชาญการบินในระดับสูงมาก ด้วยพระองค์ทรงพระปรีชาชาญในวิทยาการด้านการบิน ทรงรอบรู้เทคนิคสมัยใหม่ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ พระองค์ทรงมีชั่วโมงฝึกบินอย่างต่อเนื่องสูงมาก และถือว่าเป็นสิ่งที่ยากสำหรับนักบินทั่วโลกจะทำได้ พระองค์ทรงพระกรุณาปฎิบัติหน้าที่ครูการบินเครื่องบินขับไล่ แบบ เอฟ – 5 อี/เอฟ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของกองทัพไทย และปวงชนชาวไทย

            ด้วยพระอัจฉริยภาพทางด้านการบินที่กล่าวมา เหล่าพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศจึงได้ถวายพระราชสมัญญานามว่า “เจ้าฟ้านักบิน”

วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ  ขอถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนา

            เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 63 พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร วันที่ 28 กรกฎาคม 2558 นี้ ในนามของเว็บไซต์ siamedunews.com ขอพระราชานุญาตถวายพระพร ขอทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยที่พร้อมใจน้อมถวายความจงรักภักดี ตราบนานเท่านาน ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ