หนู…รัก….พระเจ้าอยู่หัว

 

สุขทั้งแผ่นดิน/เสกสรร  สิทธาคม

        “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อยจึงมิใช้การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมความดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”

        พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ  ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี 11 ธันวาคม 2512

 

        ผมได้รับข้อเขียนของคุณทักษพร สรรค์ศิลา  ผู้ซึ่งมีความรักความกตัญญูในหัวใจเฉพาะอย่างยิ่งต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณ  และในนามพสกนิกรผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ผู้มีความศรัทธาในศาสนาอย่างแข็งแรง  ผู้มีความรักชาติอย่างสุดหัวใจ  ข้อเขียนทั้งฉบับสรุปความรวมได้ถึงหัวใจเทิดทูน  จงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ในฐานะแม่คนหนึ่งที่รักลูกเป็นชีวิตจิตใจอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากที่สัมผัสได้ถึงความรักอย่างสุดชีวิตจากพ่อแม่

        คุณทักษพรพรรณนาความรู้สึกถึงความรักเทิดทูนและจงรักภักดี  บรรยายความรู้สึกในนามของครอบครัว  18  ครอบโดยเฉพาะเด็กๆอายุ  6-11  ขวบผู้เป็นลูก  ในนามชมรม  “หนู...รักพระเจ้าอยู่หัว”  

         ในนามพสกนิกรที่จงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทุ่มเทพระองค์ทรงงานอย่างหนักหน่วงด้วยพระราชหฤทัยมุ่งมั่นที่จะยังประโยชน์สุขแก่ราษฎร  แม้ยามทรงพระประชวรก็ไม่หยุดทรงงานด้วยเพราะพระมหากรุณาธิคุณอันเกิดจากพระราชหฤทัยห่วง  จึงขออนุญาตนำข้อเขียนให้คนไทยทุกคนได้ร่วมอ่าน  เพื่อรวมหัวใจน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน

…............................

 หนู…รัก….พระเจ้าอยู่หัว

            เราลืมอะไรไปหรือเปล่า   นอกจากการทำหน้าที่ของความเป็นพ่อและแม่แล้ว   เรายังมีหน้าที่ความเป็นคนไทย หน้าที่ของพสกนิกรไทย ที่จะต้องดูแลต้นกล้าต้นไทยทุกต้น ให้หยั่งรากแห่งความจงรักภักดีใต้ร่มพระบารมี

 

ถึง  พุฒิพัฒน์ ลูกรัก

            ในเช้าวันนี้ หลังจากที่เราได้ตักบาตรพระที่ตลาดเช้าแล้ว แม่เชื่อว่าหัวใจที่ลูกได้ทำบุญครบรอบอายุ 6 ขวบ คงทำให้ลูกมีหัวใจที่อิ่มเอิบและเป็นสุข ถึงแม้ว่าจะฝนจะตก แต่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจที่อยากจะทำความดีหมดหายไป    แม่ได้กลับมาส่งลูกที่บ้านเพื่อจะไปทำงาน ระหว่างทางขณะที่ขับรถไปพร้อมเสียงเพลงใกล้รุ่ง บทเพลงพระราชนิพนธ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นที่รักยิ่งของแม่ แม่คิดได้ว่า แม่ทำหน้าที่ของแม่ดีหรือยัง  เหมือนตอนเวลาที่แม่บอกลูกทั้งสองว่า เราโชคดี 4 อย่างตั้งแต่ที่เกิดมา คือ

1)      เกิดมาครบ 32 ประการ

2)      เกิดมาเป็นคน เพื่อให้เราได้ทำความดีในปัจจุบันชาตินี้

3)      เกิดมาเป็นคนไทย อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย

4)      เกิดมาในบวรพระพุทธศาสนา

แล้วแม่ทำหน้าที่ของแม่ดีหรือยัง  อายุของความเป็นแม่เติบโตไปพร้อมกับอายุของลูก อายุขอ

ความเป็นแม่จึงมี 8ปี อายุของความเป็นคนไทย ครบ 43 ปีแล้ว แล้วที่ผ่านมาแม่ทำหน้าที่ของความเป็นคนไทยแล้วหรือ

แม่เพียงแค่ทำหน้าที่ของแต่ละช่วงเวลา คือ เรียนหนังสือในวัยเยาว์  ทำงานในวัยทำงาน แต่งงาน และมีบุตร 2 คน ชีวิตหมุนไปตามวงล้อของธรรมชาติ และ หมุนเวียนในแต่ละวัน ไปส่งลูก ไปทำงาน รอรับลูก พากลับบ้าน ตรวจการบ้านลูก

และคงจะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง แน่นอนหน้าที่ของความเป็นแม่ไม่มีวันจบจนกว่าหมดลมหายใจ ยังคงต้องแก้ไขปรับปรุง พัฒนา หน้าที่ที่ลูกมอบให้ตลอดไป

 

            แต่ในห้วงเวลานี้ สิ่งที่แม่อยากทำ เกิดจากความคิดว่า  ตั้งแต่แม่เกิดมาจำความได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แน่นอนอาจจะเป็นการได้เห็นจากสื่อโทรทัศน์ หรือ ภาพถ่ายวีดีโอบ้าง จากคำเล่าของผู้ใหญ่บ้าง แต่สิ่งที่แม่เห็น คือ …..

ภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ทุ่มเททั้งชีวิตและหัวใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อ…..คนไทย    จะมีใครอีกเล่า หากเป็นพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงทศพิธราชธรรมพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 9 พระองค์นี้

 

            แม่ไม่มีโอกาสหรืออำนาจหรือเงินตราใดๆ ที่จะทำงานหรือสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่สมกับพระองค์  มีเพียงหัวใจแห่งความจงรักภักดีที่ขอถวายตลอดไป   แต่แม่คิดว่า แม่จะไม่เพียงทำหน้าที่ของความเป็นแม่เท่านั้น แม่จะทำหน้าที่ของพสกนิกรไทยคู่กันไป  แม่จะให้ลูกได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ได้ตระหนัก และ ได้ซาบซึ้งไปกับความรักที่พระองค์มีให้แก่พวกเรา  

            หัวใจของลูกจะหล่อหลอมกับหัวใจของแม่ เราจะตั้งมั่นทำความดีถวายพระองค์ จึงเป็นที่มาของชมรม หนู..รักพระเจ้าอยู่หัว เพราะเด็กๆสมัยนี้ที่อายุไม่ถึง 20 ปี อาจไม่มีโอกาสหรือไม่ได้เห็นพระราชกรณียกิจ ด้วยเพราะพระพลานามัย พระองค์ท่านทรงใช้ ทรงงานให้แก่พวกเรา ท่านทรงงานมาเป็นระยะเวลาเกือบ 70 ปี เป็นเวลาแห่งการทรงงาน ทรงงาน และทรงงาน

ถึงแม้พระองค์ท่านประทับที่ รพ.ศิริราช แต่พระองค์ก็ไม่หยุดพักการทรงงาน  แปรพระราชฐานไปประทับที่ใด  หาใช่พระองค์จะหยุดทรงงาน  เราทำงานเรายังหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ แต่นี่พระองค์ท่านเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน ทรงจำเป็นหรือใครไปสั่งไปบอกพระองค์ท่านก็หาไม่  พระองค์ทำเพราะเหตุผลเดียว คือ

พระองค์ รักพวกเรา …….

พระองค์รักประชาชน

พระองค์ไม่เคยละทิ้งเรา

 ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2489   ดังในพระราชนิพนธ์บันทึกว่า

“ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนได้อย่างไร”

ถึงเวลาแล้ว……แค่เรามีหัวใจก็เพียงพอ  เพียงพอที่จะทำ และทำ ไม่ต้องใครบอกไม่ต้องใครสั่ง แต่หัวใจบอกและเรียกร้องให้เราลุกขึ้นทำหน้าที่ที่สมภาคภูมิ สมค่าความเป็นมนุษย์ และสมคุณค่าที่ได้มีบุญได้เกิดในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัว  

 

หนูรัก…พระเจ้าอยู่หัว  จึงเริ่มจากสมาชิก 18 คนเป็นเด็กอายุ 6-11 ปี ที่ครอบครัวล้วนมีความตั้งใจในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญต้นกล้าทุกต้นได้ทำให้เห็นว่าเค้าตั้งใจทำหน้าที่และประกาศความจงรักภักดีผ่านบทเพลงประสานเสียง และ จะเป็นฟันเฟืองหัวใจ  ที่จะทำกิจกรรมความดีเพื่อพระองค์ต่อไป  ทั้งไปรู้จักบ้านของพ่อ งานปลูกป่าชายเลน งานอาสาโครงการ และงานประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เยาวชนทำหน้าที่ของความเป็นลูกที่ดีของพ่อ

 หนู…รัก….พระเจ้าอยู่หัว

 ชมรมนี้เริ่มต้นจากเด็ก 18 คนและจะขยายปีกแห่งความจงรักภักดี  ชมรมนี้ถือกำเนิดในวันที่ 30 กันยายน 2556  เพราะเป็นวันคล้ายวันเกิดของน้องพัฒน์ ซึ่งแม่ถือว่าลูกจะได้ตระหนักถึงหน้าที่ที่ลูกจะไม่หยุดแค่วันนี้ ถึงแม้ไม่มีแม่ ลูกก็จะทำหน้าที่สานต่อ สานความเข้าใจ ถักทอความรักอยู่ในรุ่นของลูกและรุ่นของหลานให้จงได้

            สิ่งที่เด็กๆ 18 คนได้เริ่มต้นทำงานถวายพระองค์ เริ่มจากการร้องเพลงประสานเสียงเทิดพระเกียรติ 3 เพลง เพลง ตามรอยพระราชา  ,บทเพลงรักแห่งแผ่นดิน และใกล้รุ่ง  

จากที่เด็กๆ ร้องเพลงไม่เป็น เพราะด้วยนิสัยของแม่ไม่ค่อยฟังเพลง ชอบอ่านหนังสือมากกว่า แต่พอแม่ถามลูกทั้งสองว่า จะร้องเพลงเพื่อในหลวงกันดีไหม ลูกๆยินดีด้วยความเต็มใจ

นี่จึงคือสัญญาณที่ทำให้แม่รู้ว่า ลูกเข้าใจและรู้สิ่งที่แม่ถาม และอยากทำถวายพระองค์ท่านนั้น เป็นสิ่งที่ลูกจะทำช่วยแม่อีกแรง

 

ขอบคุณจริงๆ ลูกรัก   เราจะช่วยกันทุกคนทุกครอบครัวแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีต่อไป

 

            แม่อยากจะบอกทุกคนที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ในตอนนี้ ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไร และลูกคุณจะอายุเท่าไร คุณสามารถแสดงความจงรักภักดีได้ตั้งแต่วินาทีนี้  อย่าแค่พาลูกไปติว  พาลูกไปกวดวิชา  และ มีชีวิตแต่ช่วงวันเวลาผ่านไปเท่านั้น 

บางคนคิดว่าจะทำอย่างไร ขอแค่คุณพาลูกหลานของคุณย้อนกลับไปในอดีตที่คุณได้รับรู้เรื่องราวของพระองค์ พาดูวีดีโอที่เป็นพระราชกรณียกิจ  เล่าเรื่องที่คุณจำความได้ หรือ พาเค้าไปยังที่ที่พระองค์ไป ไปโครงการหลวง หรือพาเค้าไปถวายพระพรในที่ที่เราจะสะดวก   

ให้เค้ารักความเป็นไทย ให้เค้าระลึกเสมอว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกใบนี้  ในสายเลือดและหัวใจจะคงเป็นไทย  สากลเรามิได้ปฏิเสธ สิ่งดีนั้นเราพร้อมจะเรียนรู้และพัฒนา  แต่เค้าจะนำพาเอกลักษณ์และความเป็นไทยไปแสดงให้ประจักษ์    เราอย่าทำแค่หน้าที่ของพ่อแม่เท่านั้น กลับมาทำหน้าที่ลูกของแผ่นดินกันเถอะนะคะ

พระองค์ไม่เคยบอกให้เรารักพระองค์   แต่เพราะพระองค์รักพวกเรา  เราจึงไม่รักพระองค์ไม่ได้

หนู…รัก….พระเจ้าอยู่หัว

สักวันแม้         มอดม้วย    มรณา

หน้าที่หนึ่ง       นำพา        มิอาจเลี่ยง

นอกแม่           คือประชา  พสกเพียร

ทำเยี่ยง            สมค่า        ลูกหลานไทย

            แล้ว….ต้นกล้าที่เราได้หว่านเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ จะเติบโตและหยั่งรากลึกด้วยความรักในชาติ ในแผ่นดิน และจงรักภักดีในองค์พระมหากษัตริย์  ผู้เป็นเหนือหัว  เหนือหัวใจ เหนือสิ่งใด

                                                            จะเป็นต้นไม้รากลึกที่แน่วแน่

                                                            จะไม่แพ้ต่ออุปสรรคและขวากหนาม

                                                            จะเพียรทำความดีถวายพระนาม

                                                            ภูมิพลราชนามนิรันดร……….

                                    ……………ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน……………….

 

            สุดท้ายแม่จะรอวันที่ลูกทั้งสองเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สง่างาม และ ทำประโยชน์อย่างรู้คุณแผ่นดินที่ให้ที่อยู่ที่เติบโต และเป็นแผ่นดินที่แม่ของเจ้ารักยิ่งกว่าชีวิต                                                                                                             มากกว่าคำว่ารักจากแม่

                                                           ทักษพร    สรรค์ศิลา