“บิ๊กตู่” ใช้ ม.44 เด้งอีก 71 จนท.รัฐ “รองเลขาฯ กพฐ.-อธิการบดี มมส.-ผอ.ร.ร.” โดนด้วย “รังสรรค์” แจงไม่มั่นใจเอี่ยวห้องเรียนอัจฉริยะ

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2558 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๕๘ เรื่องแต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตามที่มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๖/๒๕๕๘ เรื่องมาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ นั้น โดยที่ต่อมาหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องประกาศรายชื่อบุคคลเพิ่มเติม ตามความในข้อ ๕ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ ประกอบกับจำเป็นต้องแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการบางตำแหน่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของงานอันเป็นประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดิน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น รวม 71 คน โดยในจำนวนนี้มีข้าราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประกอบด้วย นายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.), นายศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม, นางพิมพ์มาส รังสรรค์สฤษดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ จ.สงขลา, นายนิวัจน์ พิมเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนนิคม ซอย ๑๐ จ.สตูล, นายเอกชัย ปานเม่น ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกวิชาชีพกาญจนบุรี “สามสงฆ์ทรงพระคุณ” และนายกิตติ โกมลกุลพัทธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาไก่นาคำน้อยวิทยา อำเภอสุวรรณคูหา (ภูดอนนาง) จ.หนองบัวลำภู

โดยให้ผู้มีรายชื่อดังกล่าว ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงที่สังกัด โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม และให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งให้ผู้นั้นไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐเป็นการชั่วคราวก็ได้ ทั้งนี้ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการ ศธ. กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบว่านายรังสรรค์ ถูกคำสั่ง คสช.ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ตำแหน่งรองเลขาธิการ กพฐ. เท่าที่ได้ร่วมทำงานมา ก็เห็นว่าเป็นคนมีความรู้ ความสามารถคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่า คำสั่ง คสช.ที่ออกมาคงเป็นเพราะเกี่ยวกับการทำงานเรื่องเก่าสมัยนายรังสรรค์เป็นผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส่วนการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กพฐ.ที่ว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง ก็ต้องขึ้นอยู่กับ ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการ กพฐ. ตนคงไม่เข้าไปก้าวก่าย หากไม่มีข้อมูลอะไรจะไม่เข้าไปเบรก เพราะถือว่าเป็นเรื่องของ สพฐ. อย่างไรก็ตาม คิดว่าระหว่างที่ยังไม่มีรองเลขาธิการ กพฐ.ใน 2 ตำแหน่งนี้ ดร.กมลก็คงสามารถบริหารงานของ สพฐ.ได้ แม้จะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ก็ตาม ส่วนคำสั่งปลดนายศุภชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) นั้น คิดว่าสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และ คสช.คงมีข้อมูลพอสมควรเกี่ยวกับการบริหารงานที่ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล จึงมีคำสั่งปลดออกมา และคิดว่ายังมีอธิการบดีอีกหลายสถาบันที่มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล จึงต้องระวังตัวเอาไว้ เพราะจะมีคำสั่งในลักษณะนี้ทยอยออกมาอีก

ด้านนายรังสรรค์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบมูลเหตุการถูกคำสั่ง คสช.ครั้งนี้ ส่วนประเด็นที่ว่าอาจเกิดจากโครงการห้องเรียนอัจฉริยะสมัยที่ตนเป็นผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผน สพฐ.หรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าในช่วงโครงการห้องเรียนอัจฉริยะในสมัยนั้นได้ออกจากตำแหน่งดังกล่าวมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของ สพฐ.แล้วหรือไม่ ตนกำลังตรวจสอบข้อมูลต่างๆ อยู่