สุขทั้งแผ่นดิน/เสกสรร สิทธาคม
คอลัมน์นี้มีแฟนพอสมควรแล้ว ทั้งแฟนที่เข้าไปอ่านและแฟนที่ส่งเรื่องราวเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณมาร่วมเผยแพร่ อย่างผู้ที่ใช้นามปากกาว่า “กิ่งโมก”คนนี้ส่งเรื่องพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างฟาร์มตัวอย่างฯในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดปัญหาความไม่สงบ เพื่อให้เป็นแหล่งงาน แหล่งเรียนรู้ แหล่งอาหารไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีมีความมั่นคงปลอดภัย มีความสุขอย่างยั่งยืน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
พืชผักที่งอกงามภายในโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ บ้านป่าตาเขียว อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เป็นแหล่งอาหารให้กับชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้การทำเกษตรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นแหล่งสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่
หลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร ณ วัดสำเภาเชย อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2546 พบว่าพื้นที่ป่าตาเขียว มีสภาพดินเป็นทรายจัด ขาดแคลนน้ำเพื่อการเพาะปลูก ทั้งยังเกิดความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ต่อเนื่องสร้างความเสียแก่ชีวิตทรัพย์สินของประชาชน จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งโครงการฟาร์มตัวอย่างฯแห่งนี้ขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ครอบครัวประสบภัยจากสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และราษฎรที่ยากจน เข้ามาเป็นสมาชิกและพระราชทานเงินค่ายังชีพให้ราษฎรเหล่านี้เป็นรายวัน รวมทั้งให้พัฒนาฟาร์มแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตอาหารโดยประชาชนและเพื่อประชาชนเอง
โดยนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ลงพื้นที่นำพระมหากรุณาธิคุณไปสู่ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี โดยไปเยี่ยมความคืบหน้าการดำเนินการฟาร์มตัวอย่างบ้านป่าตาเขียวในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 25พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมาว่า ราษฎรที่เข้าร่วมโครงการ ปัจจุบันยังคงเป็นสมาชิกอยู่จนทุกวันนี้ จะได้รับพระราชทานเงินค่ายังชีพเป็นรายวันไป
“แต่ที่สำคัญ คือว่าราษฎรหรือเยาวชนที่เข้ามาร่วมในฟาร์มตัวอย่างฯแต่ละแห่งทั้ง 13 แห่งจะได้รับความรู้ ประสบการณ์จากการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ การเลี้ยงปลาหรือปศุสัตว์ ใครสนใจเรื่องใดก็จะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นๆมาช่วยกันสอน” องคมนตรีบอก
ดังเช่น รุสลัน ดอกอ บัณฑิตเกษตรชาวยะลา ด้วยใจรักและอยากถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตร จึงสมัครเข้าทำงานที่ฟาร์มตัวอย่างฯแห่งนี้ ในปี 2547 ทำหน้าที่ให้คำแนะนำและความรู้ทางวิชาการเกษตรแก่ราษฎรในพื้นที่
“ช่วยแนะนำเค้าแนะแนวเค้า ให้ปลูกผักแบบวิชาการ เริ่มตั้งแต่การปลูกผักการดูแลรักษา เช่นการให้น้ำการให้ปุ๋ย การกำจัดแมลงศัตรูพืช รวมไปถึงการเก็บเกี่ยว เพราะการปลูกพืชนั้น พืชแต่ละอย่างดูแลรักษาการเก็บเกี่ยว ไม่เหมือนกัน ชาวบ้านที่นี่แต่ก่อนเคยปลูกแบบดั้งเดิม ประสบการณ์เคยปลูกยังไงก็อย่างนั้น บางทีมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพดิน สภาพแมลงศัตรูพืชทั้งหลาย ก็เลยพอให้มีความรู้ซักนิดนึง ผมก็จบปริญญาทางเกษตรมา โดยเฉพาะนะครับ เค้าก็เชิญมาช่วยแนะนำให้ชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านที่นี่มีความรู้ในการปลูกผักเพิ่มขึ้น เค้าก็เลยจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม” รุสลันบอก
เช่นเดียวกับ นางสาวรัตนา รับจันทร์ ชาวปะนาเระ เดิมทำงานที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อเกิดความรุนแรงในพื้นที่ เกิดความรู้สึกห่วงพ่อแม่จึงกลับบ้านมาดูแลครอบครัว และเข้าทำงานที่ฟาร์มตัวอย่างฯแห่งนี้ โดยได้รับความรู้ด้านการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ จนปัจจุบันมีหน้าที่ดูแลด้านปศุสัตว์ และยังนำความรู้กลับไปเลี้ยงเป็ด แพะและวัว ที่บ้านเพื่อเสริมรายได้ พร้อมกับถ่ายทอดความรู้ให้เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง ทั้งการเลี้ยงสัตว์ การทำปุ๋ย
“ที่ได้มีงานทำได้เรียนรู้เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในฟาร์มตัวอย่างฯนี้ ก็เพราะสมเด็จพระนางเจ้าฯทรงเปิดโครงการนี้ ทำให้ชาวบ้านได้ทำมาหากินและเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับชาวบ้านด้วยค่ะ” รัตนายิ้ม
ขณะที่นางเจียร ชะดารัตน์ ชาวบ้านอีกคนหนึ่ง เดิมมีอาชีพรับจ้างก่อสร้างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าเดินทางไปรับจ้างไกลบ้าน จึงสมัครเข้ามาทำงานที่ฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระบรมราชินีนาถบ้านป่าตาเขียวแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2551 ในแผนกประมง ได้เรียนรู้การทำประมงจากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และศึกษาจากหนังสือ จนปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกประมงและนำความรู้ไปใช้เลี้ยงปลาเพื่อบริโภคที่บ้าน
“มาทำงานที่นี่แล้วรู้สึกปลอดภัย ได้ความรู้เพิ่มเติม ไม่ต้องไปทำงานไกล ทำงานด้วยความสบายใจ ขอขอบพระคุณสมเด็จพระนางเจ้าฯ”
ในโอกาสที่นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงานกปร.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าในการดำเนินงานเมื่อวันที่ 25พฤษภาคม 2558 พบว่า แม้พื้นที่โครงการยังใช้ไม่เต็มศักยภาพ เนื่องจากบุคลากรน้อยและมีจำนวนสมาชิกไม่มากนัก แต่มีพื้นที่ป่าชุมชนให้ราษฎรในพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้ ส่วนสมาชิกได้นำความรู้จากฟาร์มตัวอย่างฯแห่งนี้ไปใช้พัฒนาการทำเกษตรกรรมที่บ้าน หลังจากเลิกงานแล้ว ทำให้เกิดความมั่นคงทางด้านอาหาร และมีรายได้เสริมจากการขายผลผลิต ส่งผลให้มีเงินส่งบุตรเรียนจนจบการศึกษา ไม่ต้องเดินทางไปทำงานในพื้นที่ห่างไกล
สมดังพระราชปณิธานในสมเด็จพระบรมราชินีนาถที่ตั้งพระราชหฤทัยที่จะพัฒนาฟาร์มตัวอย่างให้เป็นFOODBANK ของชาวชุมชนได้อย่างแท้จริง”
บทความโดย"กิ่งโมก"