จ่อปรับโครงสร้างองค์การค้าของ สกสค. คาดไม่เกิน 2 สัปดาห์สรุปผลสอบปมหนังสือเรียนหายกว่า 5 แสนเล่ม

พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้เข้ามาตรวจสอบการบริหารงานในองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) พบว่า องค์การค้าฯมีปัญหาหนี้สินจำนวนมาก พร้อมเสนอให้ ศธ.พิจารณาทบทวนข้อดี-ข้อเสียในการมีองค์การค้าฯต่อไป ซึ่งตนคงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน เนื่องจากเกรงว่าพนักงานในองค์การค้าฯจะเสียขวัญ ดังนั้น ในระยะนี้อาจดำเนินการเพียงปรับโครงสร้างในองค์การค้าฯเสียใหม่ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม

“อย่างไรก็ตาม จากการประชุมคณะกรรมการองค์การค้าฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือกรณีหนังสือเรียนองค์การค้าฯที่เช่าเครื่องพิมพ์ของสำนักพิมพ์ ศิริวัฒนาอินเตอร์พรินท์ จำกัด มหาชน จัดพิมพ์หนังสือเรียนตั้งแต่ปี พ.ศ.2556-2557 จำนวน 1,178,764 เล่ม ซึ่งพบว่าจำนวนหนังสือที่ส่งเข้าคลังสินค้ากับจำนวนที่สั่งพิมพ์ไม่ตรงกัน หายไปกว่า 5 แสนเล่ม โดยนายสุเทพ ชิตยวงษ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าหนังสือเรียนดังกล่าวหายไปจริงหรือไม่ คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะทราบข้อเท็จจริง ส่วนจะพิจารณายกเลิกสัญญาจ้างนายสมมาตร์ มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ที่ถูกคำสั่ง คสช.ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปก่อนหน้านี้ หรือไม่นั้น ต้องรอดูผลการตรวจสอบที่ชัดเจนก่อน หากพบว่าหนังสือเรียนหายไปจริง ก็ต้องสั่งยกเลิกสัญญาจ้างแน่นอน เพราะถือว่ามีข้อบกพร่องในการปฏิบัติงาน”

พล.ร.อ.ณรงค์ ยังเปิดเผยด้วยว่า คณะกรรมการ สกสค.เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มอบหมายให้สำนักงาน สกสค.ตรวจสอบโครงการโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนของบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด (มหาชน) ที่มีการนำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) จำนวน 800 ล้านบาท ไปซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าวว่า มีความน่าเชื่อถือและคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไปหรือไม่ นอกจากนี้ ในโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ วงเงิน 360 ล้านบาท ซึ่งต้องเช่าที่ราชพัสดุปีละ 1 ล้านบาทนั้น ให้สกสค.ไปหารือกับกรมธนารักษ์ เพื่อยกเลิกสัญญาเช่า และขอให้ ศธ.มาใช้ประโยชน์ที่ดินแทน ส่วนการทวงเงินกองทุน ช.พ.ค.จำนวน 2,100 ล้านบาท คืนจากบริษัท บิลเลี่ยน อินโนโวเท็ต กรุ๊ป จำกัด ขณะนี้ได้สิ้นสุดระยะเวลาการชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยของบริษัท บิลเลี่ยนฯแล้ว จึงจะดำเนินคดีเอาผิดทางกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ คณะกรรมการ สกสค.ยังได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค. และการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ชุดใหม่ โดยมีนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. เป็นประธาน