ชี้พิรุธเงินพันล้านซุกเซฟ สกสค. เรียกสอบ 2 ผู้บริหาร

ความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้ามาตรวจสอบความไม่โปร่งใสภายในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และพบเงินสด ซึ่งเป็นเงินสกุลประเทศในยุโรปอยู่ในตู้เซฟภายในห้องทำงานของผู้บริหารสำนักงาน สกสค. 2 ราย รวมมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท พร้อมโฉนดที่ดินอีกจำนวนหลายฉบับ และเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยขณะนี้ คตร.ได้ย้ายที่เก็บเงิน โฉนดที่ดิน และเอกสารที่พบทั้งหมดไปไว้ที่ห้องมั่นคงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และได้ทำรายงานผลการตรวจสอบให้ นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ.ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2558 นั้น

นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. เปิดเผยเรื่องนี้ว่า เรื่องที่ คตร. และตนพร้อมคณะทำงานเข้าไปพบหลักทรัพย์ ซึ่งมีทั้งเงินสดสกุลเงินประเทศยุโรป และโฉนดที่ดิน ที่บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ตกรุ๊ป จำกัด นำมาใช้ค้ำประกันเงิน ช.พ.ค. 2,100 ล้านบาท ที่ สกสค.นำไปลงทุนร่วมในโครงการโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ อ.หนองหญาปล้อง จ.เพชรบุรี ซึ่งได้ขนย้ายทรัพย์สิน และโฉนดที่ดินจากห้องผู้บริหาร สกสค.ไปยังห้องมั่นคงของ ศธ.เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยตนร่วมเป็นพยานในการขนย้ายนั้น ตนได้สั่งตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบหาผู้เกี่ยวข้องทันที หลังตรวจพบทรัพย์สินดังกล่าว โดยได้เชิญผู้บริหาร สกสค. 2 คนที่เกี่ยวข้องมาสอบถามแล้ว

แหล่งข่าวใน ศธ.กล่าวว่า การนำหลักทรัพย์มูลค่ามหาศาลดังกล่าวไปไว้ในตู้เซฟภายในห้องทำงานของผู้บริหารสำนักงาน สกสค. 2 ราย ถือว่ามีพิรุธและผิดระเบียบราชการ อย่างน้อยจะต้องนำไปเก็บไว้ในตู้เซฟธนาคาร เพราะหากเกิดความเสียหาย เช่น มีเพลิงไหม้ ใครจะรับผิดชอบไหว เว้นเสียแต่ว่าเก็บไว้เพื่อเอื้อประโยชน์ในการหยิบฉวยไปใช้ก่อนในทางมิชอบหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงชุดดังกล่าวจะต้องสอบสวนประเด็นข้อสงสัยนี้ให้กระจ่างด้วย เช่น หลักทรัพย์ดังกล่าวมีจำนวนครบถ้วนหรือไม่ มีการหยิบฉวยออกไปใช้ประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวกไปบ้างแล้วหรือไม่ หากพบมีการดำเนินการโดยมิชอบจริง จะต้องลงโทษอย่างเด็ดขาดด้วย