ปลัด ศธ.สั่ง “พินิจศักดิ์”สอบอนุมัตินำเงินสมาชิก ช.พ.ค.2.1 พันล้านไปลงทุนบริษัทเอกชน มีบิ๊กใน สกสค.ใครบ้างรับผลประโยชน์ พร้อมไล่เช็คเงินลงทุนอีก 1,100 ล้านบาท ในโครงการโรงไฟฟ้าบ่อขยะจังหวัดภาคอีสาน

รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบความไม่โปร่งใสในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) องค์การค้าของ สกสค. และสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาว่า ในส่วนของสำนักงาน สกสค.จะเน้นการตรวจสอบการหาผลประโยชน์จากเงินกองทุนสมาชิกโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซึ่งได้รับเงินสมทบจากธนาคารออมสินที่คืนเงินดอกเบี้ย 1 บาท ให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นสมาชิก ช.พ.ค.ในฐานะลูกค้าชั้นดีกู้เงินธนาคารออมสินในโครงการสวัสดิการเงินกู้สมาชิก ช.พ.ค. ซึ่งทาง สกสค.หักเงิน 50 สตางค์คืนแก่สมาชิกผู้กู้ในรูปการลดหย่อนดอกบี้ยเงินกู้ ส่วนอีก 50 สตางค์นำเข้ากองทุนสมาชิก ช.พ.ค.ซึ่งปัจจุบันนี้มีเงินกองทุนรวมราว 6,000 ล้านบาท

ซึ่งเงินกองทุนสมาชิก ช.พ.ค.ดังกล่าว สำนักงาน สกสค.โดยการอนุมัติของคณะกรรมการ ช.พ.ค. ซึ่งผู้บริหาร สกสค.แต่งตั้งขึ้น ได้นำเงินกองทุนสมาชิก ช.พ.ค. จำนวน 2,100 ล้านบาท ไปลงทุนกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ในพื้นที่ 1,200 ไร่ โดยเริ่มแรกโครงการในปี 2556 บริษัท บิลเลี่ยนฯให้สำนักงาน สกสค. ซื้อตั๋วสัญญามูลค่า 2,100 ล้านบาท โดยการอนุมัติของคณะกรรมการ ช.พ.ค. โดยสัญญาระบุว่า บริษัท บิลเลี่ยนฯจะต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับสำนักงาน สกสค.ในปี 2557 แต่จนถึงวันนี้ทางบริษัท บิลเลี่ยนฯก็ยังไม่ได้คืนเงินแต่อย่างใด ตอนแรกก็ผลัดผ่อนว่าจะจ่ายดอกเบี้ยให้ก่อน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าได้ดอกเบี้ยมาแล้วหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบพอทวงเงินต้นไม่ได้ ทางบริษัท บิลเลี่ยนฯก็ชวน สกสค.มาเป็นการร่วมลงทุนแทน

“ผมจึงได้มอบหมายให้นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.ไปดำเนินการตรวจสอบและทวงเงินต้นจำนวนดังกล่าวมาคืนครูให้ได้ พร้อมทั้งให้ตรวจสอบความโปร่งใสของการนำเงินสมาชิก ช.พ.ค.ไปลงทุนด้วยว่า มีการต่อรองให้ผลประโยชน์คืนกับผู้บริหารใน สกสค.เป็นการส่วนตัวคนใดหรือไม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีเรื่องของการต่องรองผลประโยชน์ตอบแทน ถึงได้อนุมัติเงินสมาชิก ช.พ.ค.ก้อนมหาศาลนี้ออกมา นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบการนำเงินสมาชิก ช.พ.ค.ไปหาประโยชน์ในโครงการอื่นๆ ด้วย เช่นที่มีข้อร้องเรียนกล่าวหาว่า มีการนำเงินกองทุนสมาชิก ช.พ.ค.อีกส่วนหนึ่งจำนวนถึง 1,100 ล้านบาท ไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากบ่อขยะในจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ปลัด ศธ.กล่าว

รศ.นพ.กำจรกล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบความโปร่งใสในองค์การค้าของ สกสค.นั้น จะเน้นการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดว่า ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบพัสดุหรือไม่ โดยเฉพาะการจ้างพิมพ์หนังสือเรียนภายนอกโรงพิมพ์องค์การค้าฯ ส่วนในสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จะเน้นตรวจสอบเรื่องการใช้จ่ายเงินว่าเป็นไปตามภารกิจหรือไม่ และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจำนวนมากถึงกว่า 30 ชุด มีความคุ้มค่าหรือไม่ หรือจะเข้าข่ายลักษณะตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยพวกพ้องให้ได้รับเบี้ยประชุมเท่านั้นหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสม