ด้วยความซาบซึ้งและประทับใจเป็นล้นพ้น

(คอลัมน์สุขทั้งแผ่นดิน/เสกสรร สิทธาคม)


วันที่ 2 เมษายน เป็นวันที่ประชาชนคนไทยทั้งปวงปลื้มปีติยินดีเป็นล้นพ้น ด้วยเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และในปี 2558 นี้ เป็นปีมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ 60 พรรษา ในนามพสกนิกรชาวไทยขอร่วมเฉลิมพระเกียรติฉลองพระชนมายุ 5 รอบ ด้วยการนำความรู้สึกของพสกนิกรส่วนหนึ่ง ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศที่ต่างมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน มาถ่ายทอดสู่ท่านผู้อ่านด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ จากที่มีการบันทึกไว้ในหนังสือ “พระทรงเป็นดวงแก้วส่องไทย”

ด้วยพระราชอัธยาสัยที่อ่อนโยน เป็นกันเอง และน้ำพระราชหฤทัยที่โอบอ้อมอารีพร้อมต่อการให้ความช่วยเหลือ “เพื่อนมนุษย์” ทุกรูปทุกนาม โดยมิได้ทรงถือพระองค์ ทำให้ทุกคนที่มีโอกาสได้ทำงานถวายอย่างใกล้ชิด ได้สนองงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือได้ร่วมกิจกรรมในงานส่วนพระองค์ ตลอดจนราษฎรที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ไม่ว่าจะเนื่องในโอกาสใดก็ตาม มีความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย เกิดขวัญกำลังใจ และพร้อมจะทุ่มเทศักยภาพ ความรู้ ความสามารถ ทำงานสนองพระราชดำริอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย โดยไม่ลังเล และไม่กังวลต่ออุปสรรคใดๆ จะมีแต่เพียงความปีติยินดี ความปลาบปลื่มที่ได้มีโอกาสทำงานสนองพระราชดำริ หรือเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แม้อาจจะเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิต แต่ก็ได้นำมาซึ่งความประทับใจเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ยากที่จะสะท้อนออกมาเป็นคำพูด หรือภาษาหนังสือให้ครอบคลุมความรู้สึกอันแท้จริงของแต่ละคนได้

บันทึกความประทับใจในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บรรทัดต่อบรรทัดต่อไปนี้ จึงสะท้อนสำนึกแห่งความจงรักภักดีได้เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น

ความมีน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่แผ่ไพศาลครอบคลุมโดยมิมีประมาณ นับตั้งแต่ผู้ใกล้ชิดไปจนถึงผู้ที่อยู่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก คนพิการยังมีความซาบซึ้งใจอย่างถ้วนหน้า

ดังประสบการณ์ครั้งหนึ่งของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง คุณสาคร ธนมิต

“...การที่เรามีโอกาสรับใช้อย่างใกล้ชิด ยิ่งทำให้เรามีความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ได้สัมผัสพระราชอัธยาศัยที่งดงาม น้ำพระทัยที่เอื้ออาทรกับบุคคลทั่วไป...ที่ระทับใจมาก ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จฯไปทรงเปิดงานของสมาคมโภชนาการคืองานประชุมวิชาการใหญ่ พระองค์ท่านเสด็จฯขึ้นไปบนเวทีและมีพระราชดำรัสเปิดการประชุมในครั้งนั้น แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เป็นกรรมการสถาบันโภชนาการก็มีส่วนได้เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิด...พอพระองค์ท่านทรงเปิดประชุมเสร็จ ก็เสด็จฯลงมาและทรงพระดำเนินเข้ามาทักทายพวกสมาคมฯ...อย่างหนึ่งคือทรงมีพระอารมณ์ขัน จะทรงเล่าเรื่องสนุกๆ ทำให้เราปลาบปลื่มไปนาน สิ่งนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ...และอีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้ เป็นความปลื่มปิติในชีวิตและเป็นเกียรติอย่างยิ่งคือ เมื่อวันเกิดครบรอบ 6 รอบ ทางสถาบันฯเขาจัดวันเกิดให้ ตอนนั้นพระองค์ท่านเสด็จฯไปต่างประเทศ แต่ก็ทรงพระเมตตาพระราชทานช่อดอกไม้และการ์ดอวยพร พร้อมเชอรรี่ 1 ตะกร้า โดยโปรดให้ท่านผู้หญิงอารยา นำมา เป็นความปลาบปลื้ม และความประทับใจในน้ำพระทัยของพระองค์ท่าน”

ความประทับใจกับภาพข่าวราชสำนักที่ได้เห็นการแสดงความจังรักภักดีของประชาชนต่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่สัมผัสได้จากส่วนลึก ซึ่งคงเกิดจากการที่พระองค์ทรงให้ความห่วงใยประชาชนมากนั่นเอง ตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่สุด ที่สร้างความประทับใจให้ พลตำรวจโทสาโรจน์ ปัญญา อดีตผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

“...ความประทับใจพระองค์ท่านมีมากที่สุด และในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะความห่วงใยประชาชน”

ครูตำรวจตระเวนชายแดนอีกคน ก็มีความซาบซึ้งประทับใจในน้ำพระทัยของพระองค์ สิบตำรวจโท สุวิทย์ เทวบุรี

“ผมมีความประทับใจที่ได้ทำงานตอบสนองทั้ง 8 โครงการ เพราะพระองค์ท่านมีพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเยาวชนและตำรวจตระเวนชายแดนในถิ่นทุรกันดาร โครงการที่กล่าวถึงมีโครงการส่งเสริมสุขภาพและการศึกษา โครงการสหกรณ์ในโรงเรียน โครงการฝึกอาชีพ โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และโครงการอนามัยแม่และเด็กในถิ่นทุรกันดารเป็นต้น”

สิบตำรวจตรี จันทิมา พวงศรี ก็บอกด้วยความปลื้มปีติว่า คิดว่านักเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทุกคนมีความยินดีและดีใจ ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานหลายสิ่งหลายอย่างให้ พระองค์ท่านได้ช่วยเหลือในด้านต่างๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังทรงดูแลในเรื่องการศึกษาอีกด้วย

ตชด.อีกคน จ่าสิบตำรวจ สมชีพ บัวชุม ซึ่งได้รับรางวัลครูนักพัฒนาดีเด่นจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ขอเป็นตัวแทนครูตำรวจตระเวนชายแดน ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และซาบซึ้งในความห่วงใยที่ทรงมีให้กับคณะครูและนักเรียนของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โดยเฉพาะการที่ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลือการศึกษาให้แก่บุตรของครูตำรวจตระเวนชายแดน รวมถึงตัวครูด้วย

“พระองค์ท่านทรงห่วงใยครู ตชด.มาก ทรงให้ความรัก และพระราชทานสิ่งต่างๆ ให้กับครู ตชด. ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ท่านเสด็จฯไปทรงเยี่ยมโรงเรียน ตชด.โดยตลอด ดีใจครับที่พระองค์ท่านได้พระราชทานเลี้ยงให้กับครูทุกปี จากการที่เราปฏิบัติหน้าที่รับใช้งานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์ท่าน ก็สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่เปรียบมิได้ เมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯมา ก็ได้ถวายงานอย่างใกล้ชิด และได้รับพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์...พระองค์ทรงห่วงใยว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นแนวชายแดน ดังนั้น จึงมีพระราชดำริว่า แม้จะไม่ใช่เด็กประเทศเรา เป็นประเทศอื่น เราก็ควรสอนภาษาไทยให้ จึงมีการรับเด็กเข้ามาเป็นกะเหรี่ยง มอญ พม่า ที่อยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนมีอยู่หลายชาติ พระองค์ท่านทรงรับสั่งว่า ครูน่าจะสอนพื้นฐานให้ชาวบ้าน ซึ่งครู ตชด.ก็ได้ดำเนินการตามพระราชประสงค์”

นายชวลิต อุรพีพัฒนพงษ์ อดีตผู้อำนวยการกองแผนงานและสารนิเทศ กรมป่าไม้ และทำงานถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากการทำงานมานานเกือบ 20 ปีแล้ว มีความประทับใจที่พระองค์ทรงสนพระทัยเรื่องป่า

“...โดยเฉพาะป่าพรุ ดูได้จากการที่พระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมและทอดพระเนตรงานป่าไม้ และทรงติดตามงานอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่กรมป่าไม้ซาบซึ้งมาก อีกประการหนึ่ง ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จฯไปไหน ทุกครั้งจะทรงจดบันทึกไว้ทุกจุดที่เสด็จฯไป หรือที่มีการถวายรายงาน ฉะนั้น เมื่อมีผู้ถวายรายงาน พระองค์ท่านก็จะจดและทรงจำแม่น โดยเฉพาะเรื่องที่เคยมีพระราชดำริไว้ จะทรงถามอยู่เสมอ โดยเฉพาะพันธุ์ไม้ป่าพรุ และที่นำความสบายใจมาให้ที่สุดคือ การรับเสด็จฯ ค่อนข้างจะเรียบง่าย ทรงแย้มพระสรวลกับผู้ที่ถวายรายงาน ทำให้ผู้ถวายรายงานไม่ตื่นเต้น เป็นการผ่อนคลาย และบางครั้งมีการหยอกล้อทำให้การตามเสด็จฯมีความครื้นเครง เป็นความประทับใจ และสนุกที่ได้ถวายงานพระองค์ท่าน”

นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ นักวิชาการป่าไม้ เป็นหนึ่งในจำนวนประชาชนบนแผ่นดินที่เฝ้าติดตามพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ด้วยความซาบซึ้งในความเสียสละของพระองค์

“สิ่งที่ผมประทับใจในพระองค์ท่านคือ พระองค์ท่านเสียสละ โดยเฉพาะในเรื่องของป่าไม้ พระองค์ทรงเห็นแล้วว่า ถ้ามีป่าที่ดี ประเทศของเราก็คงจะไปรอด เพราะเป็นที่รู้กันว่า ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีอาชีพทางการเกษตร ถ้าไม่มีป่าก็จะเสียดุลธรรมชาติ ส่งผลกระทบในเรื่องของแหล่งน้ำ และสภาพอีกหลายอย่าง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเกษตรในการทำการเกษตร”

นางรอกีเยาะ บินมะยะโก เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านกูบู ที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯและทำงานถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อย่างใกล้ชิด กล่าวว่า “ภูมิใจและประทับใจที่พระองค์ท่านเสด็จฯมาเยี่ยม และไม่ทรงทอดทิ้งเรา ตอนนั้นไปเข้าเฝ้าฯพระองค์ท่านที่มันดาลา พระองค์ท่านทรงรับสั่งถามว่า “อยู่ที่กูบูใช่ไหม” และรับสั่งต่อว่า เคยไปเมื่อ 20 ปี ที่แล้ว พระองค์ท่านทรงจำได้ ทำให้เราภูมิใจมากที่พระองค์ไม่ลืมพวกเรา”

ความรู้สึกจากหัวใจ นางสาวนูรตัสนีม มามะ เจ้าหน้าที่โภชนาการศูนย์เด็กเล็ก ค่ายสิรินธร จังหวัดปัตตานี ที่มีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นขวัญกำลังใจในการทำงานก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนอื่นๆ

“ประทับใจพระองค์ท่านหลายอย่าง พอจบมาก็มาทำงานที่นี่เลย ซึ่งบางทีเราก็ท้อกับการทำงาน เพราะเวลาเราทำงานเราต้องไปคนเดียว ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าหมู่บ้าน พอเราท้อก็นึกถึงพระพักตร์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แล้วคิดว่าต้องสู้ เพราะพระองค์ท่านทรงตั้งพระทัยที่จะทำให้ เราก็ต้องตั้งใจทำเช่นกัน”

พระราชจริยวัตรที่ประทับใจคนทั่วไปอีกอย่างหนึ่งคือ การที่ทรงเป็นนักจดบันทึก คุณหญิงประไพศรี พิทักษ์ไพรวัน เป็นผู้หนึ่งที่มีความประทับใจในการถวายงาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งนอกจากจะมีพระเมตตาสูงยิ่งแล้ว ยังทรงเป็นนักจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่ทรงพบเห็น และทรงได้รับฟังด้วย

“พระองค์เสด็จฯที่ไหนก็จะมีสมุดบันทึกตลอดเวลา บางครั้งเมื่อถวายงานพระองค์ก็จะรับสั่งแนะนำให้ทำแบบนั้น แบบนี้ หรือรับสั่งถามเพื่อจะขอข้อมูล เพราะฉะนั้นในการที่เราจะถวายงานพระองค์ เราต้องเตรียมตัว เตรียมข้อมูล เพราะข้อมูลที่จะถวายพระองค์ต้องเป็นข้อมูลที่เราศึกษาทดลองมาแล้ว จะทำให้เรามีการเตรียมตัวตลอดเวลา เตรียมตัวในเรื่องของการถวายข้อมูล เพื่อที่จะถวายรายงาน และทรงเป็นแบบอย่างในการจดบันทึก”

ขัติยราชกุมารีพระองค์น้อย ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เป็น “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรรัฐสีมา คุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจที่ทรงคุณค่าสูงยิ่ง อันควรแก่พระสถานะตามที่ทรงประกาศพระราชปณิธานไว้ต่อที่ประชุมพระบรมวงศานุวงศ์ และสมาชิกในราชตระกูลทุกมหาสาขาที่เฝ้าทูลละอองพระบาทเพื่อถวายพระพรชัย ในวันประวัติศาสตร์ครั้งนั้นว่า

“ข้าพเจ้าขอตั้งความปราถนาต่อที่ประชุมนี้ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับตำแหน่งและฐานะ โดยกำลัง สติปัญญา และความสามารถ เพื่อให้สำเร็จประโยชน์สุขอันไพบูลย์ และความเจริญวัฒนาแก่ประเทศชาติและประชาราษฎร์ทั้งมวล”

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ