ศธ.กับตำนานทุจริตสอบบรรจุ เชื้อร้ายไม่มีวันตาย

 


ตํานานการทุจริตสอบบรรจุครู ของศธ.มีมายาวนานเกือบ 3 ทศวรรษก็ว่าได้ หลังจากประกาศใช้ พ.ร.บ.คณะกรรมการการประถมศึกษา พ.ศ.2523 มีคณะกรรมการการประถมศึกษาจังหวัดทุกจังหวัด มีผอ.การประถมศึกษาจังหวัด หัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอ กิ่งอำเภอ เป็นผู้รับนโยบายไปปฏิบัติได้ไม่กี่ปี

ประเดิมเหตุเริ่มจากภาคอีสาน ด้วยข้อสอบที่ใช้สอบบรรจุครูประถมฯทั่วประเทศ ที่ออกโดยส่วนกลางรั่วไหลก่อนวันสอบ เงินเดินสะพัดในกลุ่มหัวหน้าการแต่ละพื้นที่การศึกษาหลายล้าน ด้วยวิชาโกงด้วยการปิดห้องติว เฉลยคำตอบ จ้างคนเข้าสอบได้เลขที่นั่งใกล้กัน นับเป็นข่าวฉาวแห่งปีในวงการศึกษาในครั้งนั้นที่เริ่มกลายแป็นตำนาน และดูเหมือนว่าไปไม่รอดทั้งคนรับและคนจ้าง อาจจะมีรอดไปบ้าง แต่เชื้อชั่วในวงการนี้ก็ไม่เคยเข็ดจำ ยังมีให้เห็นและท้าทายกฎหมายมาตลอดที่มีการสอบบรรจุครูมาทุกยุค

นับตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา พบการวิ่งเต้นใช้เส้นสายในการคัดเลือกคนเข้ารับราชการครูแบบใหม่ในหลายจังหวัด โดยเลือกพวกพ้องในพื้นที่มาเป็นกรรมการคัดสรรช่วยพวกตัวเองที่จ่าย ที่จ.ระนอง พบเจ้าหน้าที่ร่วมแก้ไขคำตอบผู้สอบประมาณ 30 คนให้ได้คะแนนเพิ่ม จ่าย 25,000-50,000 บาทต่อราย

มาในปี 2547 สอบบรรจุครูทั่วประเทศ พบทุจริตในการพกเครื่องมือสื่อสารส่งสัญญาณเข้าห้องสอบ เป็นครั้งแรก และพบมีการแก้ไขกระดาษคำตอบครูผู้ช่วย ค่าแรงเพิ่มขึ้นเป็นรายละ 1 แสนบาท

ปี 2550 ผู้สมัครสอบเป็นครูอัตราจ้างหอบหลักฐานการทุจริตสอบคัดเลือกพนักงานราชการ ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 7 ประกาศรับ 30 อัตราแต่มีชื่อบรรจุถึง 36 อัตรา เล่นอึ้งกันทั้งส่วนกลางและเสทือนไปทุกภูมิภาค

แม้จะทำให้ขบวนการทุจริตไม่กล้าฮึกเหิมทำรายได้อู้ฟู่เหมือนเก่า เพราะถูกเตะสกัดจากส่วนกลางเพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมทางการศึกษา ประธานอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาภาคอีสานแห่งหนึ่ง ถึงกับออกมาจวกผู้บริหารศธ.ว่า มีส่วนทำลายเขตพื้นที่การศึกษาให้อ่อนแอและทำตัวรับใช้การเมืองซ้ำเติมทุจริตสอบครู และเรียกร้องให้เปิดผลสอบ เชือดพวกเอี่ยวโกงสอบครู ไม่เว้นคนของนักการเมืองแสบที่ร่วมขบวนการ

มาถึงปี 2556 ที่เป็นข่าวดังสุดในขณะนั้น นอกจากมีการรับจ้างสอบ ยังพบการเรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบหัวละ 5-6 แสนบาท เห็น 2 เสนาบดีนักการเมืองที่มาดูแลการศึกษา ประกาศล่นด้วยท่าทีและน้ำเสียงขึงขังจะล้างบางการก่ออาชญากรรมการศึกษาแก๊งนี้ให้สิ้นซาก แต่ไปๆมาๆกลายเป็น มวยล้มต้มคนดูทั้งประเทศแบบหน้าตาเฉย

ตามด้วยเสียงฮือฮาจากการสอบครูผู้ช่วย ว.12 ที่มือปืนรับจ้างสอบอาศัยช่วงเข้าห้องน้ำใช้เครื่องสั่นสะเทือนส่งสัญญาณในรัศมี 300-500 เมตร ไปยังลูกทีมหรือผู้เข้าสอบ แทนการส่งรหัสลับผ่านอวัยวะต่างๆแทน ใช้เทคนิคจับ ใบหู หรือ ใช้สัญลักษณ์ด้วยการขยับตำแหน่งของเท้า

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดกับการสอบครูผู้ช่วย ว12 ปี 2556 จากเลขาธิการก.ค.ศ.เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธุ์นี้ แจ้งว่า มีผู้เข้าข่ายทุจริตการสอบคัดเลือก 344 ราย ได้รับการบรรจุไปแล้ว 271ราย สั่งให้ออกจากราชการแล้ว 195 ราย ลาออกจากราชการไปแล้ว 4 ราย ส่วนจำนวนที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการของเขตพื้นที่ฯหรือผู้อำนวยการสถานศึกษาในฐานะผู้มีอำนาจ น่าสังเกตว่ามีเขตพื้นที่การศึกษาที่ไม่ได้ดำเนินการตามมติก.ค.ศ.อีก 7 ราย และอีก 6 เขตพื้นที่การศึกษายังไม่ได้รายงานผลการสอบสวนถึง 16 ราย นี่หมายความว่าอย่างไร   

 จับตากันถึงการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่กำลังมีขึ้นในขณะนี้ ผู้มีสิทธิ์เข้าสอบทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 22,211ราย แต่มีอัตราว่างรับทั้งหมดเพียง 4,257 ตำแหน่งเท่านั้นโดยจำแนกเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษา 1,353 ตำแหน่ง และ ผู้อำนวยการสถานศึกษา 2,904 ตำแหน่ง

บันทึกไว้ ณ กุมภาพันธุ์ พุทธศักราช 2558 ก่อนถึงวันเวลาสอบ นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ ศธ 04009/341 ถึงทุกผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และผอ.สศศ. ย้ำห้ามข้าราชการในสังกัดฯทุกระดับกระทำใดๆที่มีเจตนาเปิดการกวดวิชา จำหน่ายหนังสือคู่มือเตรียมสอบ จัดทำเอกสาร จำหน่าย แจก หรือกระบวนการอื่นใดที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สอบโดยเด็ดขาด แสดงว่ามีเค้าลางแห่งความไม่โปร่งใสขู่กันถึงขนาดมอบให้เขตพื้นที่ฯ และ สศศ.กำหนดบุคคลในทางลับ ตรวจสอบ ติดตามบุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าวถ้าพบใครเข้าไปเกี่ยวข้อง จะเรียกตัวมาประจำที่ส่วนกลาง และตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามระเบียบต่อไป

  ดูเหมือนจะมีความแข็งในหลักการที่ซ่อนความเฉียบคม และขออย่าเป็นเพียงเขียนภาพเสือให้วัวกลัว นิ้วไหนร้ายก็อย่าพยายามรักษามันไว้ การศึกษาชาติจะได้ไปไกลและดีกว่าเดิมแน่นอน