หยิกแก้มหยอก EdunewsSiam 29 ก.ค.-4 ส.ค.63

หยิกแก้มหยอก EdunewsSiam  29 ก.ค – 4 ส.ค.63

โดย: สิงห์ ราชดำเนิน 

“หยิกแก้มหยอก สังคมคนการศึกษา” สัปดาห์นี้ เตรียมเปิดตัว EdunewsSiam เว็บไซต์ข่าวการศึกษา แทน SiameduNews ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 อัพเดทล่าสุด 29 กรกฎาคม 206มีจำนวนผู้เข้าชม5,060,031 กับ จำนวนหน้าที่เปิดทั้ง 5,698,402 ทีมงานขอคาระวะและขอบคุณทุกท่านที่ติดตามการนำเสนอข่าวและบทความ คอลัมน์ต่าง ๆ ของ SiameduNews อย่างต่อเนื่องตลอดมา...ส่วนหน้าตา EdunewsSiam เป็นอย่างไร โปรดอดใจรอชมกันได้ประมาณกลางเดือนสิงหาคม นี้...สัปดาห์นี้ จับไปที่สถานการณ์ โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย ตามด้วยข่าวดีเมื่อองค์การอนามัยโลก (WHO) เลือกประเทศไทยเป็น ใน ประเทศ และ นิวซีแลนด์ ถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับการจัดการโควิด-19 ซึ่งจะเผยแพร่ไปทั่วโลก ต้องยอมรับว่าเป็นผลงานของรัฐบาลจริง ๆ ....

ใครจะคิดเป็นอื่น ก็ไม่ว่ากัน แต่ที่แน่ ๆ สำนักข่าว Bloomberg Photo: Shutterstock จัดอันดับให้ไทยจัดการโควิดได้ดีที่สุดเป็นอันดับ ของโลกจาก 75 ประเทศ ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนา มีไต้หวัน อันดับที่ บอตสวานา อันดับ 2. เกาหลีใต้ 3. ไทยอันดับ 4. และ จีนอันดับ 5.  โดยใช้ตัวชี้วัด คือ อัตราผู้เสียชีวิตเปรียบเทียบกับการดำเนินกิจกรรมของประชาชน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนโควิด และการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการลดความเสียหายที่เกิดขึ้น....สุดท้ายก็ต้องมาจบลงที่ ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ตีฆ้องร้องกระจองงอง ประกาศว่าสถานศึกษาประมาณ 4,532 แห่ง เปิดเรียนแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นการสลับเรียน แต่ยังมีอีกหลายแห่งที่มีจำนวนเด็กมากยังไม่สามารถใช้วิธีปกติได้ เพราะพื้นที่เล็กและมีบริบทที่แตกต่างกันไป...ก็อย่าเพิ่งวางใจ เกินไปนัก เสียงเตือนจาก นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริรราชพยาบาล นับตั้งแต่นี้ สังคมไทยต้องเข้าใจเรื่องการดูแลสุขอนามัยอย่างต่อเนื่อง ถ้าสุขภาพไม่ดีก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจตามมา….สั้น ๆ กระชับ ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ....

ไม่ใช่แค่โลกหลังโควิดจะไม่เหมือนเดิม ประเทศไทยก็ไม่เหมือนเดิมด้วยเช่นกัน ไม่เพียงด้านเศรษฐกิจเท่านั้น ทุกอย่างที่คุ้นชินจะถูกไล่ต้อน ต้องปรับชีวิตให้เข้าสู่วิถีใหม่ให้ได้ คนฉลาดเท่านั้นที่มองเห็นโอกาสมากกว่าผู้คนหรือสังคมที่ไม่ยอมเปลี่ยนหรือจำใจเนื่องจากถูกบังคับให้เปลี่ยน ....เล่นการเมืองแบบเดิม ๆ ทำธุรกิจแบบเดิม ๆ การศึกษาแบบเดิม ๆ การทำงานแบบเดิม ๆ จะไม่ตอบโจทย์สังคมที่คิดต่างอย่างหลากหลาย ล้วนมีให้เห็นเป็นประจักษ์ชัดทุกกลุ่ม ณ ปัจจุบัน ที่ได้แสดงออกอย่างเปิดเผยในข้อเรียกร้องต่าง ๆ มีทั้งจริงเจือเท็จ ดีแอนด์เลวเบร็ดเสร็จไปในตัว....ดูเยี่ยงการเมืองไทยวันนี้ ยืนอยู่ท่ามกลางพลิกผันได้ตลอดเวลาทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล กำลังแยกไม่ออกว่าเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อประชาชนเจ้าของประเทศหรือเพื่อพรรคเพื่อพวกเพื่อตนเองกันแน่ วาทะกรรมต่างปั้นแต่งผ่านโชเชียล์ มีทั้งความชิงชัง เคืองแค้น ใส่ร้ายป้ายสี ยินแต่เสียงด่าทอ เกรี้ยวกราด ตลาดสดยังต้องขอหลบ ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ช่างสง่างาม สะอาดบริสุทธิ ไม่มีอะไรที่จะต้องสงสัยในทุกการกระทำอย่างบางท่านให้ความเห็น ใช่ใหม....บ่นไปก็เท่านั้น ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ทำได้ตามใจ คือ ไทยแท้ ล่าสุด ม.สวนดุสิต เจ้าเก่า กระทุ้งซ้ำแผลเก่าเดิม ๆของรัฐบาล ถามประชาชน คิดอย่างไรกับกระแสข่าวปรับครม." พบส่วนใหญ่ก็ได้คำตอบเดิม ๆ คือ ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนลำบาก คนตกงาน ว่างงาน หนี้สินเยอะ อยากให้คัดเลือกคนที่เหมาะสมเข้ามาทำงาน ....ทำไมโพลไม่ถามต่อล่ะ อยากได้ใครเข้ามา ระบุชื่อไปเลย ....

วิจารณ์กันจังถึง 6 ตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ ในภาพรวมที่จะเข้าวิน มีตั้งแต่ ปรีดี ดาวฉาย อดีตประธานสมาคมธนาคารไทย จะมานั่ง รองนายกฯควบรมว.คลัง ณะที่ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตบิ๊กบริษัทพลังงาน จะเป็นรมว.พลังงาน ส่วน เสี่ยแฮงค์ อนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค เป็นรมต.ป้ายแดง นั่งตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯ เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น มีชื่อจะได้นั่งเก้าอี้ใหญ่ในแรงงาน ส่วน เอนก เหล่าธรรมทัศน์ จากพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจเข้าเสียบเก้าอี้ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จับไปที่ แหม่ม-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังคงต้องนั่งทำใจลุ้นตัวเกร็งไปอีกประมาณสัปดาห์ ถึงจะมีความชัดจะลงตรงเก้าอี้ใดในหนนี้...

จับตาการปรับครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รอบนี้ ว่ากันว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ก็มีหนาว ๆร้อน ๆ พุ่งเป้าไปที่ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศธ.เจ้าของแนวคิดการสอนโค้ดดิ้ง ให้คิดเป็นระบบอาจหลุดจากตำแหน่ง เพราะตีฆ้องไม่ค่อยดัง กลายเป็นจุดอ่อนให้คนที่จะเข้ามาเสียบแทน ลือกันว่าอาจเป็น ตั๊น-จิตภัสร์ กฤดากร ดีกรีนักเรียนนอก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ไปนั่ง รมช.ศึกษาธิการ แทน โว้ว....ขณะที่ กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศธ.จากภูมิใจไทย มีทีท่าว่าเหนียวยิ่งกว่าเหนียว คงได้อยู่ต่อ เพราะมีตัวช่วยจากฝีมือคณะที่ปรึกษาอดีตข้าราชการระดับสูงคนดัง คอยกำกับจังหวะการตีฆ้องโชว์เป็นช่วง ๆ แถมยังได้สมญานาม รัฐมนตรีขาลุย ใจถึง พึ่งได้ กลายเป็นขวัญใจคน กศน. ครู สช.และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) ไปแล้ว...                                          

พร้อมนี้ถ้าไม่ได้เอ่ยนามถึง ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ “เดอะตั้น” รมว.ศึกษาธิการ คงขาดสีสันไปแบบจืดสนิททั้ง ๆที่อยู่ท่ามกลางความร้อนแรง อีกหลายเรื่องราวที่ยังคาราคาซังในศธ.ที่ถูกตัวแทนกลุ่มต่าง ๆ ยื่นหนังสือให้กรุณาตอบด้วย แต่ละเรื่องยังไม่ได้คำตอบในแทบทุกเรื่องที่ร้องเรียนไป จะลงเอยหรือรับผิดชอบอย่างใด...เกมแย่งชามข้าว ในการปรับครม.หนนี้ เป็นที่รู้กันอื้ออึงว่า “เดอะตั้น” อยากนั่งเก้าอี้พลังงานเป็นที่สุด ท้ายสุดแม้จะมีการส่งสัญญาณหลังเลิกตั้งวงกินก๋วยตี๋ยวว่า มีชื่อเป็นแคนดิเดต.พลังงาน เล่นเอาเจ้าตัวออกมาแบ่งรับแบ่งสู้แบบเขิน ๆ ก็แล้วแต่ กก.บห.จะเสนอรายชื่อใคร จะโดนใจนายกฯหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย...แล้วล่าสุด เมื่อปรากฎชื่อ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรมช.คมนาคม และอดีตผู้บริหารปตท. จะเข้ามาคั่วเก้าอี้กระทรวงพลังงาน จึงมีคำพูดที่ฟังแล้วสงสารจับใจจาก“เดอะตั้น” ด้วยประโยคที่สั้น ๆแต่ยาวที่ว่า “ผมไม่เคยคาดหวังสิ่งที่ผมกำหนดไม่ได้ การตัดสินใจทั้งหมดเป็นของนายกฯเท่านั้นและมั่นใจนายกฯมองถึงความเหมาะสมของประเทศในภาวะวิกฤติ ซึ่งมีการศึกษาเป็นสำคัญสำหรับการสร้างพื้นฐาน”....เอ้า ใครจะผิดหวัง หรือสมหวัง หรือแอบสะใจลับหลัง ในการปรับครม.ครั้งนี้ ขออดใจรอดูผลในเร็ว ๆนี้ก็แล้วกัน

ว่าไปแล้วสีสันในการปรับครม.ไม่ว่ายุคใดสมัยใด ภาพการเมืองไทยโดยรวมยังมีลีลาที่ยังไม่ก้าวข้ามคำว่า “พัฒนาในทางสร้างสรรค์หรือเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ยังอลวลอลเวงทั้งตัวบุคคลและวิธีการเก่า ๆ ที่คาดเดาได้ไม่ยากในเกมต่อรองเพื่อประโยชน์พวกมากกว่าประโยชน์สุขอันแท้จริงของประชาชน” ....ประชาธิปไตย ไม่เคยมีจริงในนิยามของนักการเมือง ความทุกข์อย่างแสนสาหัสมักจะตกเป็นของประชาชนเสมอ เมื่อการเมืองมีความขัดแย้งรุนแรง คือ ความจริงของบ้านเมืองวันนี้ เพราะทุกฝ่ายมักอ้างถึง ประชาชน...ว่าไหม

ถ้า “เดอะตั้น” ยังนั่งเก้าอี้ ศธ. ยังคงมีอีกหลายเรื่องราวที่จะต้องสานต่ออย่างจริงจัง โดยเฉพาะการทวงถามในเรื่องธรรมาภิบาล และการทุจริตคิดมิชอบในศธ.ที่ตัวแทนครูในหน่วยงานต่าง ๆ ยื่นหนังสือไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ปรากฏว่า ยังไม่มีความคืบหน้าเหมือนอยู่ในแดนสนทยา  เคยวังเวงยังไง วันนี้ยิ่งวังเวงกว่าวันนั้นเสียอีก หรือจะรอให้เรื่องนี้หมดอายุความในยุคสมัยตนเองเสียก่อน รึไง วันหน้าจะเอามาถามกัน ...แล้วจะวางใจกันได้อย่างไรกับการสรรหาแต่งตั้งผู้บริหารระดับ 11 ที่กำลังจะว่างลงเนื่องจากการเกษียณอายุราชการ จำนวน ตำแหน่ง ค่าของคนอยู่ที่คนของใครจะมาเป็นประเด็นหรือไม่ ขออย่าให้เป็นแค่พิธีการตามระบบปกติของราชการ ที่ให้ผู้บริหารระดับ 10 ไปจัดทำข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานของ ศธ. รวมถึงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยจากการทำงานของผู้บริหารแต่ละคนที่มีอยู่ ให้นำไปเสนอในวันที่ 13 ส.ค.นี้ จากนั้นตนจะให้แต่ละคนมาแสดงวิสัยทัศน์เป็นรายบุคคล เพื่อเป็นแนวทางประกอบการพิจารณา...ให้สื่อและตัวแทนข้าราชการศธ.เข้าร่วมรับฟังและรับชมด้วยไหมล่ะ....

คำสั่งศธ.ที่ สป.53/0563 ให้ วัฒนาพร ระงับทุกข์ รองปลัด ศธ.ลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา และมอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา ผู้ตรวจราชการ ศธ.ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา อีกตำแหน่งหนึ่งตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป....ส่วนตำแหน่ง ผอ.องค์การค้าฯที่มีการร้องเรียนนั้นสะเด็ดน้ำไปแล้ว จึงมีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง อดุลย์ บุสสา ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา เป็นผอ.องค์การค้า สกสค.คนใหม่ ตั้งแต่ กรกฎาคม ที่ผ่านมา อย่างนี้ต้องรอดูผลงานจะออกมายังไง เห็นคุยไว้เยอะ อย่าให้เสียชื่อล่ะ...จับตาการสรรหาเลขาธิการ สกสค.รอบใหม่ พลาดโดยเจตนาหรือพลาดทางระบบธุรการแบบราชการ หลัง ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศธ.เป็นประธานที่ประชุม มีมติเลือก เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นั่งตำแหน่งเลขาธิการ สกสค.แต่ถูกร้องเรียนว่ายื่นเอกสารไม่ครบ จึงต้องขาดคุณสมบัติ เจ้าตัวจึงยื่นหนังสือสละสิทธิ์ ถือว่าสุดสิ้นโดยอัตโนมัติ ต้องมีประกาศสรรหากันใหม่ นกรู้ทั้งหลายที่เกาะหลังคาตึกในศธ.ไม่มีเสียงร้องทักเก็บตัวลีบ มือระดับ ซี 11 นี่นะพลาด โอมายก้อด ...

แหมชักเป็นห่วงอควาเรียมสงขลา ของสำนักงานอาชีวศึกษา ที่ยังจะต้องทุ่มงบลงอีกไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ทั้งซ่อมซากอาคารและปรับปรุงก็ยังไม่มีใครกล้ารับประกันว่าใช้ได้ หลังจากก่อนหน้านี้ผ่านไปแล้วเกือบ 10 ปี ผ่านมา รัฐบาล ใช้งบประมาณไปแล้ว 1,400 ล้านบาท เห็นแต่ซากที่ถูกพวกแร้งทึ้ง เคยมีผู้เสนอให้ทุบทิ้ง ซ่อมไปก็ต้องไล่ซ่อมไปเรื่อย ๆ จะกลายเป็นของหวานสุดเลิศของระดับสูงที่กำกับดูแล สอศ.มากกว่า คิดจะทำให้ดี คนปากโป้งเลยถูกเด้งไปเรียบร้อยแล้ว....อย่ารู้เลยว่าเป็นใคร ยุคใครมาเป็นเจ้ากระทรวง ให้ตัวแทน.....รับไป..... เศร้า

“สิงห์ ราชดำเนิน”