"รหัสการเคลื่อนไหว" Baby Boomer

 

 คอลัมน์ คิดนอกกรอบ 

"รหัสการเคลื่อนไหว" 

Baby Boomer ต้องหยุดคิดแล้ว 

บทความโดย สมเกียรติ​ พงษ์ไพบูลย์

 เก่ง-ดี-มีสุข..เชื่อมั่นในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

 

...รักความเป็นธรรม ถูกต้อง.

 

ซึ่งผมได้ศึกษา  วิเคราะห์ และสังเคราะห์แล้ว

เห็นคุณค่าต่อการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวทางการเมืองของรัฐไทย ณ วันนี้เป็นอย่างมาก ครับ

"รหัสการเคลื่อนไหว"

ข้อสังเกตและแนวโน้มสถานการณ์***(ที่เลือกสรร) : กนกรัตน์ เลิศชูสกุล.

การเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองมากที่สุด จนสื่อต่างชาติขานรับลงต่อเนื่องไปจนจบหรือถึงที่สุด​ ทั้งค่ายสหรัฐอเมริกา  สหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน​ ญี่ปุ่น​ อังกฤษ และโลกมุสลิม อีกทั้ง ยังส่งบรรดานักข่าวตามจับสถานการณ์จนถึง"จุดจบ" ในวันข้างหน้า.

มากเสียจนอาจพูดได้ว่ามากยิ่งกว่า กปปส. นปช. พันธมิตรฯ และเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นในไทยครั้งใดๆ เสียอีก เพราะยุคนี้เป็นเรื่องของโลกไซเบอร์ (โซเชียลเน็ตเวิร์ก) ที่เราไม่อาจปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารใดๆ ได้เลย และข้อวิเคราะห์จากข้อมูล รวมทั้งในคอมเมนต์ต่างๆ อย่างหลากหลาย ได้อย่างดียิ่ง

1. ความคิดอ่านการเคลื่อนไหวใหญ่มักจะเกิดจาก

     (1) ความเชื่อถือ ศรัทธาและยอมรับเงื่อนไขการเคลื่อนไหวนั้นๆ ได้​

     (2) ครั้งต่อมา จะเกิดการทบทวนครุ่นคิดถึงสิ่งที่ทำลงไปแล้วจะเกิดภาวะรู้จริง รู้แจ้ง หรือภาวะตาสว่าง (สรรพสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง) เงื่อนไขต่างๆ เมื่อเคลื่อนไหวตาม (1) ผ่านมาแล้ว ก็เกิดภาวะไม่ลงรอยและแตกแยก (แยกออกไป) ออกจากกลุ่มเดิม บางส่วนถึงขั้นถูกประณามกันก็มี

     (3) กำหนดจุดหมายชัดเจน มุ่งมั่นแน่นอนแล้ว "ปักหมุดหมาย" แล้วกำหนดรหัสเคลื่อนไหวในหมู่กลุ่มผู้นำ เช่น ตั้งคณะประชาชนปลดแอก (ปลดแอกมีความหมายซ่อนอยู่ลึกซึ้ง) (ให้) จบที่รุ่นของเรา (ต้องเปลี่ยนให้เสร็จสิ้น) คณะราษฎร์-จิตร ภูมิศักดิ์-ปรีดี พนมยงค์ (ต้นแบบ) ฯลฯ คือ รหัสที่จะนำไปสู่จุดหมายสูงสุด

2. ตอนนี้เหตุการณ์เลยคำว่าจุดติดไปไกลกว่าครั้งใดๆ แล้ว 

ในอดีต เมื่อไปทำการวิจัย*และสอบถามนั่งคุยกันก็พบว่า  เยาวชนนักเรียน นิสิต นักศึกษาเขาเรียนรู้ประวัติศาสตร์มากกว่าคนยุคเก่า นักเรียนมัธยมศึกษาอ่านจากโลกไซเบอร์มากกว่าพี่ๆ ที่เรียนมหาวิทยาลัยเสียอีก (แนะนำให้ดูเขาคิดอ่านข้อความสั้นๆ ในทวิตเตอร์ จะคิดค่อนข้างเร็ว อ่านมาก)  เขาจึง"ลุกขึ้นมาเพื่อมีส่วนร่วมทางการเมือง" แล้วพูดนั่งฟังน่าทึ่งมาก  "ถ้าเขาไม่ยอมเสียสละในวันนี้ เขาจะเสียใจในวันหน้า" อย่าเอา​ "ความกลัว" ไปครอบงำเด็ก

...ผู้วิจัยระบุว่าเหตุการณ์ไปไกลกว่าอดีตมาก เริ่มมามองอีกครั้งในเหตุการณ์กวางจูนองเลือด (ปี1980) เหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษาในฝรั่งเศส (ปี1830) ดังนั้น  จะต้อง "ไม่ผลักพวกเขาออกไป-ไม่คิดว่าเป็นศัตรู-ไม่ปราบปราม" แต่ต้องเริ่มต้นจากการยอมรับเสียก่อน แล้วเจรจาหาทางออกอยู่ร่วมกันได้ 

3. รัฐไทยต้องปฏิรูปอย่างรุนแรงและเข้มข้นในโครงสร้างการเมือง และเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาปฏิรูปช้ามาก เพื่อให้คิดถึงประเด็นที่มาของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ "เพื่ออนาคตของเด็ก (ชู3นิ้ว)" 15 ปีที่ผ่านมานับแต่ปลายรัฐบาลฯ-พันธมิตรฯ-นปช.และกปปส. เด็กเหล่านี้อายุเพิ่ง10 กว่าปีเท่านั้นเอง  เขาเห็นเขาจึงสรุปว่า...?

4. ตอนนี้เท่าที่ฟังดูเห็นว่าคำขาดนั้น จะยากมากที่สุดในกำหนดวันสิ้นกันยายนนี้ จะต้องไม่มีสมาชิกวุฒิสภา​ 250 คน ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดย ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งทางตรง

...เท่าที่ฟังจากประยุทธ์-พรเพชร-คำนูณ-สมเจตน์ ฯลฯ  จะมีสองทาง  ทางแรก ฝ่ายคัดค้านการยกร่างจะนำเสนอไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และอีกฝ่ายมองว่าอาจจะมีสมาชิกวุฒิสภาลาออก และนายกรัฐมนตรีอาจลาออกเพื่อตั้งพลเรือนเป็นหัวหน้าในรัฐบาลแห่งชาติ มาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่

เมื่อร่างแล้วขอประชามติเสร็จสิ้นก็ยุบสภา ให้เลือกตั้งกันใหม่

5. บิ๊กตู่จะไปเพราะเด็ก และทหารจะแพ้เด็กเพราะ (ทหาร) กลัวความบริสุทธิ์ใสซื่อ...เด็กๆ เขาเกลียดมากทหารสืบทอดอำนาจ และสมาชิกวุฒิสภาสรรหาลากกันสืบทอดอำนาจต่อไป...

บิ๊กตู่สนใจแต่ว่าเมื่อวันที่​ 16 สิงหาคมฯ "มีใครอยู่ข้างหลัง" เพราะเกิดความกลัว หลงอำนาจ หลงบารมี และหลงตัวเอง ระวัง เมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อน เดี๋ยวจะไม่มีแผ่นดินอยู่.

6. บรรดาเยาวชนที่เป็นนักเรียนมัธยมศึกษา (อาจลามไปสู่มัธยมศึกษาตอนต้น และประถมศึกษา) พูดกันในหลายโรงเรียนว่า "หลังจากร้องเพลงชาติเสร็จ แล้วชู 3 นิ้ว จนกว่าข้อเรียกร้อง 3 ข้อจะสำเร็จ" เป็นปณิธาน (ความตั้งใจอันแน่วแน่) ของเด็กๆ.

7. ในสมัยที่ผู้เขียนเป็นผู้นำอยู่ใน​มศว.มหาสารคามนั้น เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มีการจัดตั้งศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) แล้วเปลี่ยนเป็นสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (Student Union of Thailand) สนท. เป็นการนำรวมศูนย์ไว้ที่จุดเดียว ตอนหลังไปอยู่เขตป่าเขาใช้ชื่อว่า ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยในสถานการณ์สู้รบที่ปฏิวัติ

แต่สหภาพฯ ตอนนี้มีคนอยู่ในกลุ่มหลายกลุ่มสั่งการไม่ได้ ทุกกลุ่มจะมีเสรีภาพในการเคลื่อนไหว แต่ใจกลางยังชูในประเด็นทั้งสาม (ชู3นิ้ว) เหมือนกัน และจะมีประเด็นอื่นๆ ตามมาเช่น ข้อเรียกร้อง 10 ข้อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่กลุ่มต่างจังหวัดมีผู้สนับสนุนต่างออกไป

8. ตอนนี้มีความพยายามจัดตั้งกลุ่มต่อต้านสื่อ (สามพวกรวมพวกกลาง) กลุ่มเชิงวิชาการโต้ตอบมีวาทกรรมต่างๆ ออกมาเป็นระยะๆ และมีการจัดตั้งกลุ่มจังหวัดต่างๆ และกลุ่มไทยภักดิ์ (จะเป็นอัตราเร่งหรือไม่ จะได้เขียนในครั้งต่อไป)

นี่เป็นการมองตามสื่อสารต่างๆ ไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน บทความท้าย ๆ เมื่อแน่ใจตามควรแล้ว จะได้บอกความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน.

จนกว่าจะพบกันอีก.

 

ด้วยจิตคารวะ.

 

สมเกียรติ  พงษ์ไพบูลย์.

 

18 สิงหาคม 2563.