เข็นงานใหญ่ ศธ.ร่วมมือเอกชน มาถูกที่ ถูกเวลาจริง ๆ

คอลัมน์ คิดนอกกรอบ

ตุลย์ ณ ราชดำเนิน

เข็นงานใหญ่ ศธ.ร่วมมือเอกชน มาถูกที่ ถูกเวลาจริง ๆ 

ช่วงก้าวเข้าสู่ปีที่2 ของคณะรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การนำของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศธ. ตามด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศธ. รับรู้และเห็นได้จากภาคเอกชนระดับใหญ่ ๆ ต่างเดินทางเข้ามาอาสาทำงานให้ชนิดหัวบันไดตึกราชวัลลภแทบไม่เคยแห้ง 

ว่าไปแล้ว ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในทุกความร่วมมือจากภาคเอกชนที่เล็งเห็นความสำคัญในการเข้ามาช่วยเหลือเจือจุนการศึกษาในหลากหลายลักษณะที่มองแล้ว น่าชื่นชมมากกว่ามองเป็นเจตนาอื่นที่แฝงด้วยความลึกลับ

ไม่ว่าจะเป็นลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมและสร้างช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผ่านการฝึกอาชีพ ภายใต้โครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนสำนักงาน กศน. ในรูปแบบ e-Commerce ที่ทำงานด้านการวางระบบเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี  

ตามข่าวแจ้งว่า เอกชนดังกล่าวเข้ามาเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือในการดำเนินงานของกศน.เพื่อช่วยส่งเสริมเติมเต็มช่องว่างอันเป็นข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อที่จะร่วมกันขยายผลและพัฒนาการดำเนินงานโครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน ให้มีประสิทธิภาพ คล่องตัว มีความกว้างไกลที่เหมาะสม ทันยุคสมัยมากขึ้น

โดยทางบริษัทฯ จะถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการทําการตลาด และช่องทางการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ สินค้า ที่ผ่านการฝึกอาชีพภายใต้โครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน รวมทั้งจัดหาช่องทาง Marketing Place ในการวางจําหน่ายผลิตภัณฑ์ สินค้า และระบบขนส่ง (Logistics) เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ผลิตที่ผ่านการฝึกอาชีพจากโครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนของสํานักงาน กศน.

อีกโครงการที่มาไล่ ๆกันที่ไม่เกี่ยวข้องกับกศน. คือ โครงการ School Check-up (การตรวจสุขภาพโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย) ระบุความสำคัญว่า จะช่วยลดความเสี่ยงทั้งในพื้นที่บริเวณโรงเรียน เช่น บริเวณอาคารเรียน รวมทั้งจุดอันตรายต่าง ๆ โดยรอบโรงเรียน โดยการตรวจเช็คความปลอดภัยตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ ภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ จะคัดเลือกโรงเรียนนำร่องของแต่ละจังหวัด

ตรงนี้ เป็นการขยายผลความสำเร็จจากโครงการ Smile Kid School Bus หรือรถโรงเรียนอัจฉริยะ เพื่อความปลอดภัย ที่ได้ดำเนินการไปในปีที่แล้ว โดยใช้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์ของเครือข่ายช่างคุณภาพ “คิวช่าง” และใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานของ SCG ที่ได้ให้ความสำคัญกับการใช้ศักยภาพของหน่วยงานในการนำความปลอดภัยมาให้กับนักเรียน

โดยเพิ่มความน่าเชื่อถือหนักแน่นของว่า เป็นความร่วมมือของกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการโครงการฯ จะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทราบถึงประโยชน์ รวมทั้งร่วมคัดเลือกโรงเรียนนำร่องจังหวัดละ 1 โรงเรียน เพื่อเป็นโรงเรียนต้นแบบของโครงการ School Check-up

ทุกอย่างทำด้วยจิตอาสาเพื่อนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษา ธิการเป็นฝ่ายสนับสนุนข้อมูลในการจัดทำโครงการ และจัดบุคลากรเพื่อประสานงานและสนับสนุนในด้านต่าง ๆ เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จต่อไป

ข่าวว่า ทั้งหมดนี้ มีการลงนามกันไปเรียบร้อยแล้ว โดยถือว่าเป็นการสร้างความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับภาคเอกชน เพื่อให้สามารถสนองรับต่อความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา

เป้าหมายท้ายสุด คือ ประชาชนชาวไทย อยู่ดี กินดี ได้กินอิ่ม นอนอุ่น จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ติดใจอยู่หน่อยเดียวว่า ทุกโครงการความร่วมมือนี้ ใครได้เห็นรายละเอียดทุกบรรทัดกันบ้างไหม ว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้ไม่สบายใจในช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณรายจ่ายอีกไม่กี่วันข้างหน้า

 

ตุลย์ ณ ราชดำเนิน

tulacom@gmail.com