พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานถุงพระราชทานแก่ราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี  ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน  ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี  ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์  ในพระบรมราชูปถัมภ์  เชิญถุงพระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ผู้ประสบเหตุอุทกภัยและผู้ได้รับผลกระทบ

        วันที่  28 สิงหาคม  2563 เวลา 09.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายจิรายุ  อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี  ไปประชุมและติดตามการแก้ไขสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน ณ ห้องประชุมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 56  จังหวัดน่าน  ต่อจากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ  เชิญถุงพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 2,400 ถุง ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัยและผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่อำเภอเวียงสา  ณ หอประชุมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 56 อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน  เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นและเป็นขวัญกำลังใจ

         

      ในโอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี  ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัย กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และเจ้าหน้าที่ให้ทราบ ในการนี้ องคมนตรี ได้ลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัย และผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่อำเภอเวียงสา จำนวน 5 ครอบครัว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน  โดยเป็นผู้ป่วยติดเตียง  ผู้สูงอายุ ผู้ทุพลลภาพ พร้อมกับพูดคุยสร้างขวัญกำลังใจเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้ตามปรกติสุข ต่อไป ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น 

           

        จังหวัดน่าน  แบ่งการปกครองออกเป็น 15 อำเภอ 99 ตำบล 893 หมู่บ้าน ได้รับอิทธิพลจากร่องลมมรสุมพัดผ่าน และหย่อมความกดอากาศต่ำแพร่ปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทย  เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ทำให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นวงกว้างในพื้นที่จังหวัดน่าน ประกอบกับสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาและป่าไม้ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ทำให้บ้านเรือนราษฎร ทรัพย์สิน ถนน สะพาน และพื้นที่ทางการเกษตรในพื้นที่ 13 อำเภอ 60 ตำบล  379 หมู่บ้าน  ได้รับความเสียหาย ราษฎรได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ  8,397 ครัวเรือน ราษฎรเสียชีวิต 1 ราย