สมัชชาครูยื่นร่าง กม.การศึกษาชาติ เน้นปรับระบบผลิต-พัฒนาครู มุ่งสอน active learning ผู้ปกครองตรวจสอบ ร.ร.ได้

แกนนำสมัชชาเครือข่ายครูและบุคลากรทางการศึกษาแห่งประเทศไทย (สคคท.) ซึ่งประกอบด้วยชมรม สหภาพ สมาพันธ์ครู บุคลากรทางการศึกษา ทั้งจากองค์กรระดับมัธยมศึกษา ประถมศึกษา อาชีวศึกษา ศึกษานิเทศก์ ตลอดจนผู้ปกครอง รวมจำนวน 17 องค์กร นำโดย ดร.ดิเรก พรสีมา อดีตประธานคณะกรรมการคุรุสภา และอดีตรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เข้ายื่นรายชื่อพร้อมร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2563

เนื่องจากเห็นว่าการจัดการศึกษาของประเทศไทยภายใต้กฎหมายการศึกษาแห่งชาติที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถทำให้คุณภาพของเยาวชนและคุณภาพคนไทยแข่งขันได้กับนานาอารยประเทศ จึงได้ร่วมมือกันยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับนี้ขึ้นมา

ซึ่งเชื่อว่าถ้ามีการตรากฎหมายการศึกษาแห่งชาติตามแนวทางที่สมัชชา สคคท.ร่างมา จะช่วยแก้ปัญหาในการบริหารจัดการและดำเนินการหลายอย่างตามที่หน่วยงานทางการศึกษาประสบอยู่ในปัจจุบันได้ และจะส่งผลให้คุณภาพเยาวชนคุณภาพของคนไทยมีมาตรฐานสากล

ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับสมัชชา สคคท.ที่นำเสนอ มีอาทิ ให้ระบบการผลิตและพัฒนาครูคล้ายกับหรือใกล้เคียงกับระบบการผลิตและพัฒนาแพทย์ ผลิตตามความต้องการของผู้ใช้ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ใช้โรงเรียนเป็นสถานที่ผลิตคล้ายกับที่คณะแพทย์ใช้โรงพยาบาลเป็นที่ผลิตแพทย์

ให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้ได้สมดุลทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ และสติปัญญา ให้สามารถใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างประสบความสำเร็จ โดยมีบทบัญญัติให้ครู ผู้บริหารโรงเรียนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนต้องดำเนินการให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะดังกล่าว บัญญัติให้ครูจัดการเรียนการสอนเชิงรุกแบบ active learning

ให้กระจายอำนาจให้สถานศึกษาทุกระดับ ทุกประเภท ทุกสังกัดเป็นนิติบุคคล ให้มีบทบัญญัติว่าด้วยธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการสถานศึกษา ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทั้งด้านวิชาการ งบประมาณ บุคคล และการบริหารทั่วไปบนเว็บไซต์ของสถานศึกษา เพื่อให้ประชาชนผู้เสียภาษีทั้งหลายตรวจสอบและร้องเรียนกล่าวหาได้

อนึ่ง การเข้ายื่นรายชื่อพร้อมเสนอร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ครั้งนี้ เป็นไปตามที่ ดร.ดิเรก พรสีมา สมัชชา สคคท. ได้ทำหนังสือยื่นความประสงค์ต่อประธานรัฐสภาก่อนหน้านี้ เพื่อขอเสนอร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ

ซึ่งประธานรัฐสภาวินิจฉัยแล้วว่า ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ มีหลักการเป็นไปตามมาตรา 54 หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้ดำเนินการชักชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้

 

(ชมคลิปนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้คำมั่นเปิดสมัยประชุมสภาคราวหน้าต้องมีวาระ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ โดยยึดหลักความต้องการของครู)