ฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.กาญจนบุรีช่วยราษฎรอยู่ดีกินดี ครอบครัวมั่นคง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยราษฎรในการดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ ในการประกอบอาชีพ ทรงห่วงใยในการขาดแคลนปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตการประกอบอาชีพอย่างเช่น น้ำอันเป็นทรัพยากรที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นเครื่องมือพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดี การพัฒนาแหล่งน้ำจึงเป็นหัวใจหลักสำหรับความเจริญงอกงามแห่งสรรพชีวิตและด้วยทรงตั้งพระราชปณิธานสืบสาน  รักษา  ต่อยอดพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามขับเคลื่อนดูแลแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับประชาชนและดูแลแก้ไขเพื่อสร้างประโยชน์สุขให้เกิดแก่ประชาชนอย่างยั่งยืน

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563 ในพื้นที่จังหวัดเมืองกาญจนบุรีต่อเนื่องจากเมื่อวาน(17กย.63)พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง และพลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สนองพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริและผลสัมฤทธิ์จากการพัฒนาที่ส่งผลให้ราษฎรสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและทำให้พัฒนาคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างยั่งยืน

โอกาสนี้ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เปิดเผยในระหว่างเยี่ยมโครงการว่าฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริว่า เป็นหนึ่งใน 19 แห่ง ของฝายเพื่อเก็บกักและยกระดับน้ำในลำน้ำลำตะเพิง ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำแควใหญ่และลงทะเลอ่าวไทยต่อไป สำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำในลำน้ำนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริไว้เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2533  ปัจจุบันยังเหลือการก่อสร้างอีก 2 แห่ง โดยปี 2564 จะแล้วเสร็จ 1 ฝาย และปี 2565 จะแล้วเสร็จอีก 1 ฝาย

 

          ฝายเหล่านี้จะกั้นน้ำเพื่อยกระดับให้สูงขึ้น ซึ่งพบว่าน้ำในฝายแต่ละแห่งจะอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ประมาณ 160 เมตร และเนื่องจากพื้นที่เป็นดินทรายจึงทำให้ตื้นเขินเร็วจึงทำให้โครงการด้านบนของลุ่มน้ำเกิดน้ำหลากในฤดูฝน ซึ่งจะต้องมีการบำรุงรักษาต่อไป ภายใต้การมีส่วนร่วมของกรมชลประทาน องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี กล่าว

องคมนตรีเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า จากที่ได้มีโอกาสพบปะกับประชาชนในพื้นที่ที่มีส่วนได้รับประโยชน์จากโครงการเหล่านี้พบว่า ทุกคนตระหนักที่จะต้องประหยัดน้ำและใช้น้ำที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด พร้อมทั้งคำนึงถึงผู้ที่อยู่ท้ายน้ำในการเข้าถึงโอกาสของการได้รับน้ำด้วย เพราะน้ำมีไม่มากและมีแนวโน้มว่าจะแห้งแล้งไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาฝายต่าง ๆ ได้สร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ จากเดิมที่ปลูกอ้อย ปลูกข้าวโพดแบบพืชเชิงเดี่ยว มาวันนี้พื้นที่เพียง 30 ไร่ ก็สามารถทำไร่นาสวนผสมได้ บางรายปลูกดีปลี ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ต้องการของประเทศจีนมากเพราะเป็นสมุนไพร ในอนาคตทางผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนที่เกี่ยวข้อง จะเข้ามาช่วยเหลือเพื่อให้ผลผลิตมีราคาที่สูงและเหมาะสมกับผู้ผลิตมากขึ้น พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี กล่าว

ทางด้านนายเนตร หมอนทอง ราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฝายทดน้ำบ้านหนองแดง ต.หนองกุ่มอ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เผยว่า เมื่อก่อนในพื้นที่ทำนาไม่มีน้ำต้องรอน้ำฝนเพียงอย่างเดียว เมื่อมีน้ำจากระบบชลประทานของฝายฯ การทำการเกษตรก็ดีขึ้น ไร่นาสมบูรณ์ ดีปลีที่ปลูกเจริญเติบโตดีให้ผลผลิตที่สมบูรณ์ เกษตรกรสามารถทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ได้ มีการทำนา ขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกกล้วย อ้อย และพืชผักเพื่อบริโภคในครัวเรือน

 

ช่วงนี้ได้ใช้น้ำจากฝายหนองแดง เกษตรกรไร่นาสวนผสมอยู่ได้สบาย ถึงฝนไม่ตกก็มีน้ำใช้เพียงพอไม่ต้องกังวล รายได้ช่วงนี้ประมาณ 7,000 บาท ต่อเดือน จากการเก็บผลผลิตจากที่ปลูกไปขาย ปีหนึ่งๆ ก็ได้ประมาณ 2-3 หมื่นบาทอยู่ได้สบายไม่เดือดร้อน ไม่มีหนี้สิน เพราะมีน้ำเพียงพอสำหรับพืชที่ปลูก นายเนตร หมอนทอง กล่าว

นายเนตร  หมอนทองบอกถึงชีวิตแต่เดิมมา มีอาชีพรับจ้างทั่วไป และทำนา 1 ครั้งต่อปี มีพื้นที่ จำนวน 12 ไร่ ได้ผลผลิตข้าว ไร่ละ 50 ถัง ปัจจุบันเมื่อได้รับน้ำจากระบบส่งน้ำฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีโรงสูบน้ำส่งน้ำไปยังแปลงนา ทำให้สามารถทำนาได้ 2 ครั้งต่อปี มีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น ไร่ละ 80 – 100 ถัง นอกจากนี้ ยังสามารถทำเกษตรผสมผสานโดยปลูกพืชผักสวนครัว กล้วย อ้อย มะพร้าว ดีปลี และเลี้ยงปลา ทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น  มีรายได้เพิ่มมากขึ้น จากการขายดีปลีถึงเดือนละ 7,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากพืชผักสวนครัวส่งขายหมุนเวียนทุกวัน ครอบครัวมีความสุขและมีชีวิตที่มั่นคง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง                                                                                    

สำหรับโครงการฝายทดน้ำบ้านหนองแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยตะเพินอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อจัดหาน้ำช่วยเหลือราษฎรสำหรับทำการเพาะปลูกและอุปโภคบริโภคของราษฎร ตามที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้พระราชทานพระราชดำริไว้ มีลักษณะเป็นฝายทดน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความยาวของลำฝาย 67.50 เมตร สูง 4 เมตร มีอาคารสถานีสูบน้ำ จำนวน 2 โรง (โรงสูบน้ำใหญ่ซ้าย และโรงสูบน้ำใหญ่ขวา) ปัจจุบันสามารถส่งน้ำให้กับราษฎรสำหรับอุปโภค บริโภค และเพื่อการเพาะปลูกให้กับราษฎร หมู่ที่ 2 บ้านหนองกระทุ่ม หมู่ที่ 5 บ้านหนองแดง หมู่ที่ 11 บ้านวังด้ง และหมู่ที่ 14 บ้านสลอบ พื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีการบริหารจัดการน้ำโดยราษฎรอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้สามารถพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

 

ทรงสร้างสุขทั้งแผ่นดิน

เสกสรร  สิทธาคม

Seksan2493@yahoo.com

Edunewssiam.com