ศธ.สรุปแล้ว 2 ข้อเรียกร้อง น.ร. ผ่อนปรน "ทรงผม-เครื่องแบบ"

ศธ.สรุปแล้ว 2 ข้อเรียกร้อง น.ร. ผ่อนปรน "ทรงผม-เครื่องแบบ" ตั้งคณะทำงานถกอีก 3 ประเด็น "ความปลอดภัย-ระเบียบล้าหลัง-แสดงออกทางการเมือง" ในสถานศึกษา

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) ในฐานะประธานคณะทำงานยกร่างระเบียบทรงผมนักเรียน ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษาของ ศธ.ได้หารือถึงระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน และพิจารณาแนวทางเกี่ยวกับการแต่งเครื่องแบบนักเรียน

ได้ข้อสรุปว่า ให้แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ใน 3 ส่วน คือ 1.บทนำและคำปรารภว่า ต้องการปรับแก้ระเบียบดังกล่าวให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การมีส่วนร่วม รวมทั้งการป้องกันไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและรองรับในความหลากหลาย

2.แก้ไขระเบียบข้อที่ 4 ที่เดิมมีการแยกเรื่องการไว้ทรงผมของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงที่แตกต่างกัน จึงต้องปรับใหม่เพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติทางเพศ โดยระบุใหม่ว่า นักเรียนจะไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย ส่วนการดัดผม ย้อมสีผม ไว้หนวดหรือเครา ยังเป็นข้อห้ามเช่นเดิม เพราะอาจทำให้เสียสมาธิในการเรียน

3.ให้ยกเลิกความในข้อ 7 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “ข้อ 7 ภายใต้บังคับข้อ 4 ให้สถานศึกษาวางระเบียบเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนเอกชน แล้วแต่กรณี และผู้แทนของนักเรียนจำนวนเท่ากับจำนวนคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนเอกชนที่สถานศึกษานั้นพึงมี

ก่อนการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้สถานศึกษาดำเนินการดังนี้ 1.จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน ผู้แทนครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้แทนผู้ปกครอง และผู้แทนชุมชนท้องถิ่น และเผยแพร่ผลการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวไว้ในบริเวณสถานศึกษา 2.ให้ยึดถือหลักความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีของนักเรียน 3.ให้คำนึงถึงความเท่าเทียมระหว่างเพศของนักเรียน

ทั้งนี้ ให้นำแนวปฏิบัติเรื่องทรงผมนักเรียนดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมจัดพิมพ์แนวปฏิบัติเรื่องทรงผมแจกจ่ายให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป ซึ่งการปรับปรุงเรื่องนี้จะสร้างการมีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องการไว้ทรงผมของนักเรียนมากยิ่งขึ้น โรงเรียนไม่สามารถดำเนินการได้เอง และหากระเบียบที่เกี่ยวข้องกับทรงผมของโรงเรียนใดไม่สอดคล้องกับการปรับแก้ดังกล่าว ถือว่าระเบียบนั้นไม่สามารถบังคับใช้ได้

ตามระเบียบที่มีการปรับแก้ในครั้งนี้ นักเรียนสามารถไว้ผมหน้าม้าได้ และหากโรงเรียนใดต้องการที่จะไม่ให้นักเรียนไว้ผมหน้าม้า ก็จะต้องกำหนดออกมาเป็นระเบียบ โดยผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายดังกล่าว

จากนี้ไป ศธ.จะจัดทำหนังสือซักซ้อมความเข้าใจไปยังสถานศึกษาใน 3 ประเด็น ได้แก่ เรื่องการทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากที่สุด โดยส่งเสริมให้ตัวแทนสภานักเรียนเข้าร่วมสังเกตการณ์การออกระเบียบของคณะกรรมการโรงเรียน, จะมีการเสนอตัวอย่างของโรงเรียนที่มีการบริหารจัดการเรื่องนี้เป็นอย่างดี และในกรณีที่พบว่านักเรียนทำทรงผมไม่ถูกต้องตามระเบียบ โรงเรียนจะต้องชี้แจงและให้ปรับปรุงแก้ไขก่อน และไม่ให้ใช้วิธีลงโทษที่นอกเหนือจากระเบียบ ศธ. เช่น ห้ามกล้อนผม เป็นต้น 

ดร.สมเกียรติกล่าวถึงเรื่องเครื่องแบบนักเรียนว่า ที่ประชุมมองว่ายังมีความจำเป็นและมีความเหมาะสม อีกทั้งมีกฎหมายและกฎระเบียบ ศธ.ที่กำกับไว้ คือ พ.ร.บ.เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 และระเบียบ ศธ.ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน ซึ่งที่ประชุมเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวมีความยืดหยุ่นเพียงพอและสามารถประยุกต์ใช้ได้ แต่ปัญหาอาจเกิดจากการปฏิบัติของหลายโรงเรียนที่ยังไม่ทราบว่า กฎหมายเปิดช่องไว้ให้สามารถทำได้

เช่น ระเบียบข้อ 15 ที่ระบุว่า สถานศึกษาใดจะกำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวิชาทหารหรือแต่งชุดพื้นเมือง ชุดไทย ชุดลำลอง ชุดฝึกงาน ชุดกีฬา ชุดนาฏศิลป หรือชุดอื่นๆ แทนเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบนี้ ในวันใดให้เป็นไปตามที่สถานศึกษากำหนด โดยคำนึงถึงความประหยัดและความเหมาะสม และข้อ 16 ในกรณีมีเหตุจำเป็นหรือมีเหตุผลพิเศษ ให้สถานศึกษาพิจารณายกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งเครื่องแบบนักเรียนได้ตามความเหมาะสม

"ดังนั้น ที่ประชุมจึงเสนอให้ทำหนังสือซักซ้อมความเข้าใจเรื่องดังกล่าวไปยังสถานศึกษาทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนใช้ระเบียบนี้ในการกำหนดเรื่องการแต่งกายของนักเรียนอย่างยืดหยุ่น จากนี้ไปคณะกรรมการจะสรุปผลนำเสนอนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. พิจารณาเพื่อนำสู่การปฏิบัติต่อไป" ดร.สมเกียรติกล่าว และว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา ยังได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาอีก 3 ประเด็น

ได้แก่ คณะทำงานด้านการละเมิดการกระทำความรุนแรงและความปลอดภัยในสถานศึกษา, คณะทำงานด้านกฎระเบียบที่ล้าหลังของสถานศึกษาที่กระทบต่อนักเรียน และคณะทำงานด้านการแสดงออกทางการเมืองในสถานศึกษา ซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 นี้

(โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว)