หยิกแก้มหยอก 11 พฤศจิกายน 2563
สิงห์ ราชดำเนิน
“หยิกแก้มหยอก” 11 พฤศจิกายน 2563 กับ “สิงห์ ราชดำเนิน” ผ่านเว็บไซด์ข่าวการศึกษา “EdunewsSiam” ...เข้าสู่บรรยากาศการปิดภาคเรียนของนักเรียนเทอมที่ 1/2563 กันแล้ว บางแห่งเริ่มมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 พ.ย. จะเปิดเรียนวันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2563 แน่นอนย่อมมีการสอนชดเชยเพื่อให้นักเรียนได้เรียนครบตามหลักสูตร เป็นเรื่องของทางโรงเรียน…ภายใต้ความท้าทายของการจัดการเรียนการสอนในช่วง สถานการณ์ COVID-19...●
...ย้อนไปถึงประโยค โรงเรียนอาจหยุดได้ แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้ # อนาคตเด็กไทย คือ อนาคตประเทศ จับไปที่ กลุ่มนักเรียนเลว ของเครือข่ายองค์กรนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ แจ้งกิจกรรม 14 พ.ย.63 จะเดินขบวนจากกระทรวงศึกษาฯไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขย่าเก้าอี้ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศธ. อีกรอบ บนความห่วงใยของสังคมที่ค่อนข้างไม่สบายใจกับ กิจกรรมช่วงปิดเทอม...●
...แต่ก็ดูเหมือนว่า ‘ครูตั้น’ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ไม่ค่อยจะให้น้ำหนักเท่าไรนัก กลับมองไปว่า ม็อบเด็กไล่นายกฯเป็นสิทธิ แล้วให้ความเห็นถึงระเบียบ ศธ.ในทำนองว่า ระเบียบการไว้ทรงผมของนักเรียนได้เปิดกว้างให้ไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ แต่ให้เป็นไปตามความเหมาะสม วันนี้ยังไม่มีข้อยุติ คณะกรรมการฯยังไม่ได้ส่งข้อเสนอมาให้พิจารณา อีกทั้งคงต้องรับฟังทุกฝ่าย ดังนั้น ต้องเข้าใจตรงกันนะว่า ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด...●
...ขณะเดียวกัน ยังมีประเด็นอ่อนๆ กลับมากวนใจอีกครั้ง เมื่อข้อเรียกร้องขอแต่งกายเครื่องแบบตามเพศสภาพ ยกเลิกการแต่งเครื่องแบบนักเรียน เครื่องแบบลูกเสือ ยุวกาชาด เนตรนารี วนเวียนกลับในลักษณะ โยนหินลงสระ อาจคิดว่าเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ มองขาดว่า คงไม่ส่งผลกระทบในวงกว้าง เพราะที่ผ่านมาก็ได้แสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาของนักเรียนอยู่แล้ว ประชาชนก็รับรู้ตัดสินใจได้...ก็ต้องคอยตามดูกันต่อไปว่า จะเป็นไปตามที่ว่าไหม...●
...มาถึงเรื่อง ครม.อนุมัติให้ ศธ.แก้กฎกระทรวงฯ หลักเกณฑ์และวิธีสรรหา กก.สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ใช้กันมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2546 อยากปรับให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน เรื่องแค่นี้มีคนสงสัยกันว่า มีสำคัญถึงขนาดถึงต้องนำเสนอ ครม.อนุมัติกันเลยเหรอนี่ ถ้าเจ้ากระทรวงฯอนุมัติเองก็ได้ไหม ที่น่าขำช่วงปิดท้ายแถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แนะนำให้ ศธ.ต้องให้ความสำคัญในการปลูกฝังนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา ลดใช้พลาสติก ซะงั้น...●
ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
...มาอีกแล้ว ให้ทุก วิทยาลัยอาชีวะในสังกัด สอศ.หาจุดเด่น และมุ่งพัฒนาตนเองในด้านนั้นๆ กล้าที่จะตัดหรือยุบบางสาขา ที่ไม่ตรงกับจุดเด่นของตน เพราะสร้างคุณภาพไม่ได้ สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการ กอศ.อ้างถึงนโยบาย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศธ.สั่งมา ไม่ให้เปิดสอนสาขาอื่นที่ไม่มีความถนัด สังคมจึงตั้งข้อสงสัยว่า ชื่อวิทยาลัยในสังกัด สอศ.นั้น น่าจะไม่ใช่ของจริง และที่เปิดสอนกันมานั้นก็ชักไม่แน่ใจว่า ของแท้หรือ เป็นอัตลักษณ์หรือไม่...ถ้าเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ เป็นว่า ต้องสร้างจุดแข็งที่แต่ละแห่งมีอยู่ให้เด่น แล้วพัฒนาต่อยอดให้เลิศสุดในด้านนั้นๆ บางสาขาที่เปิดแล้วยังไม่ตรงกับความหมายตามชื่อสถาบัน ก็ต้องหาทางสร้างเสริมความเข้มแข็งให้สังคมได้เห็นศักยภาพในการขับเคลื่อนอาชีวะยกกำลังสอง โดยเพิ่มความเข้มข้นในทุกมิติ เพื่อความเป็นเลิศและเชี่ยวชาญเฉพาะทางให้ได้…เท่านี้ก็น่าได้ใจคักคักแล้ว แต่นี่เอะอะไปยุให้เขายุบเขาเลิกซะงั้น ทำยังกะว่า ง่ายนักหรือ แล้วหลักสูตรที่ผ่านๆ มา ล้วนแต่ส่วนกลาง สอศ.นั่งแป้นเป็น นางกวักเรียกแขกเข้าร้าน ด้วยมิใช่หรือ ปัดโธ่...●
สุเทพ แก่งสันเทียะ
...ฝันหรู ดูดี มาอีกแล้ว ขับเคลื่อนอาชีวะยกกำลังสอง สร้างคุณภาพนำปริมาณ เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม จากการถอดรหัสนโยบาย การศึกษากำลังสอง ของ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ปราชญ์เปรื่องคิดง่ายๆ ออกมาบอกแค่ใช้วิทยากรหรือ ครูผู้สอนระดับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาชีพ เข้ามาเป็นครูผู้สอน เกลี่ยอัตราผู้สอน ครูประจำที่มีอยู่ ไปในส่วนของวิทยาลัยเทคนิค หรือวิทยาลัยการอาชีพ หรือวิทยาลัยที่ขาดแคลนครู ทดแทนในส่วนครูจ้างสอน “สิงห์ ราชดำเนิน” ท้าได้เลย หากบ้าตามนักการเมืองสติเฟื่องบอก โดยไม่เอาปัญหามาวาง ยากที่จะไปได้ เชื่อดิ...●
วรากรณ์ สามโกเศศ
...เล่าขานกันหนาหูเกี่ยวกับ บรรยากาศที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ทำนองน่าห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะข่าวว่า ขาดงบประมาณสนับสนุน ทำให้มีเงินตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาช่วยพิจารณางานได้เพียงชุดเดียว ทำให้งานทุกอย่างเดินไปค่อนข้างล่าช้า...จะคืบหน้า แค่เรื่องการจัดตั้งกองทุน เพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา และ เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู...ท่ามกลางเสียงซุบซิบ ถึงผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมพยายามผลักดันชี้นำการตั้งกองทุน บางคนเคยถูกสอบเรื่องเงินๆ ทองๆ มาแล้วหรือเปล่า? จึงอยากให้ท่านประธาน กก.ปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา วรากรณ์ สามโกเศศ ได้หาเวลาตรวจสอบประวัติคนที่ตั้งเข้ามาช่วยงานด้วย เพื่อความสง่างามของข้อเสนอต่างๆ ไม่อยากให้มีกรณี แบบแฝงซ่อนเงื่อนผลประโยชน์ไว้ข้างหลัง...อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่อง งบประมาณสนับสนุน การดำเนินงาน อีกกระแสยืนยันว่า ไม่ใช่ปัญหา มีมาให้ใช้จ่ายแน่นอน เพราะได้รับไฟเขียวมาจาก ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แล้ว ให้เร่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ ขึ้นมาช่วยพิจารณางานทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้เลย รอแต่ท่านประธาน วรากรณ์ สามโกเศศ จะขยับแต่งตั้งเมื่อใดเท่านั้น แน่นอนงานนี้จะเอาใครเข้ามา อย่าไว้ใจทาง อย่างวางใจคนง่ายๆ เช็คประวัติกันก่อน มีพวกอยากเข้ามาแยะ และกลุ่มมีค่ายมีสังกัดถนัดชงด้วยข้อมูลวิชาการน่าเชื่อถือ แต่ยากที่จะนำสู่การปฏิบัติ ยากเข้าถึงได้ ...●
ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์
...นัยว่า ยิ่งตั้งคณะอนุกรรมการมาช่วยงานล่าช้า ยิ่งสร้างความหนักใจ ให้กับเหล่ากรรมการที่มีภารกิจต้องรับผิดชอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่น ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย ที่ข่าวว่าต้องเป็นตัวหลักในการพิจารณาวางแนวทางที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับกลไกและระบบการผลิต คัดกรอง และพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครูและอาจารย์ให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง...รวมถึง ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ พว. ที่ว่ากันว่าต้องเป็นตัวหลักในเรื่องปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนทุกระดับ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามความถนัด...ต่างล้วนมีภาระงานมากมาย ต้องรับผิดชอบ...ยังไงก็ตาม ก็ขอเอาใจช่วยคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ชุดของ วรากรณ์ สามโกเศศ อย่างเต็มที่...แม้ต้องทำงานรับไม้ต่อมาจากชุด คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ที่มี นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธาน แต่ก็ไม่อยากให้สะดุดแบบเดียวกับ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ทุกวันนี้ สภาการศึกษา ยังต้องปัดฝุ่นนำออกมารับฟังความคิดเห็นกันอีกรอบ...ท่ามกลางเสียงซุบซิบว่า เป็นผลพวงความวุ่นวายที่มาจากการ ให้คนคนเดียวร่างกฎหมายแบบตามใจฉัน...●
ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ
...เห็นทีจะต้องฝาก อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่ต้องเป็นฝ่ายขับเคลื่อนเรื่องนโยบาย แผนการศึกษา งานวิจัย งานวิชาการของประเทศ ให้เป็นรูปธรรม...ไม่ใช่เป็นแค่หน่วยงานที่มีแต่เอกสารวางกองไว้บนหิ้งรอประชุมเท่านั้น คงต้องลงมือไขลานผู้บริหารใน สกศ. ให้ทำงานเชิงรุก มิใช่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชามแล้วรอเก็บล้างเข้าตู้นั่งรอนายใหญ่เอื้อนสั่ง หรือทำได้แค่เป็นหางเครื่อง เด็กเก็บเครื่อง แบกกลองติดตั้งในวง ตามถนัดเท่านั้น...●
สวัสดี พบกันใหม่ครับ
“สิงห์ ราชดำเนิน”
คอลัมน์ต่าง ๆ EdunewsSiam ยังเปิดรับข่าวสาร บทความ แสดงความคิดเห็นตลอดเวลาที่ editer@edunewssiam.com
EunewsSiam : หยิกแก้มหยอก
(โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว)