"อว." ติดอาวุธ "เอสเอ็มอีไทย" ฝ่าวิกฤตโควิด-19

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม 2564 ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า โดยมีนางสาวนีระนารถ แจ้งทอง รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ และนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เป็นผู้แทนลงนาม เพื่อขับเคลื่อนงานบริการทางวิทยาศาสตร์ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในพื้นที่ภูมิภาคทั่วประเทศ และชุมชนท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

และได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการฯ และโฆษก อว. เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามครั้งนี้ 

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก รมว.อว.กล่าวว่า อว.มีความยินดีและเต็มใจที่ วศ. หน่วยงานที่ให้บริการทางวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสังกัด อว. ได้นำความรู้และประสบการณ์มาให้บริการแก่ภาคธุรกิจ

การที่ประเทศไทยเจริญก้าวหน้ามาจนถึงวันนี้ ภาคธุรกิจจำเป็นที่จะต้องอาศัยองค์ความรู้และความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เพื่อแข่งขันในระดับสากล การวัดความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ไม่ได้วัดเพียงมีจีดีพีขนาดใหญ่หรือไม่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูที่การพัฒนาด้าน วทน.ด้วย

การลงนามความร่วมมือของ วศ.และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมกันสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการเสริมจุดแข็งใน 4 ด้าน คือ สมุนไพรและสุขภาพ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เทคโนโลยีเซรามิก และเทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ ขอให้เอสเอ็มอีไทยอุ่นใจและเบาใจได้ว่า อว.เอาจริงเอาจัง และพร้อมช่วยแก้ปัญหาให้ทุกท่านอย่างเต็มที่

ด้าน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จะเป็นต้นแบบในการนำงานบริการวิทยาศาสตร์และวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมตามที่ตกลงร่วมกัน มาใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม

เพื่อผู้ประกอบการในการพัฒนาระบบคุณภาพกระบวนการผลิตสินค้า และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าของผู้ประกอบการให้มีคุณภาพตามมาตรฐานกำหนดไว้ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระดับสากล

นางสาวนีระนารถ แจ้งทอง รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย โดยการนำงานบริการและวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมมาพัฒนากระบวนการผลิตและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของผู้ประกอบการให้เป็นที่ยอมรับ ตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม

โดยใช้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการกำหนดแผนงานและโครงการร่วมกัน ทั้งในระดับพื้นที่และภูมิภาค สนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ รวมถึงการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐให้มีความกระชับและคล่องตัวมากขึ้น

พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายกับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันอุดมศึกษา และวิทยาลัยชุมชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการช่วยขับเคลื่อน SMEs ที่เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ

อนึ่ง กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เป็นหน่วยงานที่ให้บริการทางวิทยาศาสตร์ และส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความพร้อมในการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภายในประเทศ

ตลอดจนมีการให้บริการตรวจสอบและรับรองทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมตามมาตรฐานสากล และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมมีการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน สามารถเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ นำไปสู่การยกระดับคุณภาพสินค้าของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)