วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขอถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

              12 สิงหาคมทุกปีเป็นวันอันเป็นสิริมหามงคลของปวงชนชาวไทยด้วยเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และยังเป็นวัน “แม่แห่งชาติ”วันสำคัญนี้มาถึง  นำมาซึ่งความสุขความปลื้มปีติความเป็นสิริมงคลแก่คนไทยทั้งประเทศและที่พำนักอยู่ในนานาประเทศและต่างพากันตั้งปณิธานว่าเป็นอีกวันที่พร้อมใจกันทำกิจกรรมที่เป็นคุณงามความดีเป็นประโยชน์แก่สังคมประเทศชาติเน้นย้ำการเป็นคนดีในทุกๆวัน  ทำประโยชน์สร้างสุขร่วมกันเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล  ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขปวงชนชาวไทยและประเทศมาอย่างต่อเนื่องยาวนานแม้ช่วงที่ทรงพระประชวรก็มิทรงหยุดที่จะตั้งพระราชหฤทัยสร้างประโยชน์สุขแก่คนไทยเพราะทรงตระหนักในพระราชหฤทัยว่า “ทรงเป็นแม่ของแผ่นดิน”

                ตลอดระยะเวลาแห่งการดำรงพระอิสริยยศ “สมเด็จพระราชินี” จนถึง “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”  สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ อย่างเอาพระราชหฤทัยใส่ด้วยพระราชหฤทัยห่วงใยอันเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณพระเมตตาคุณ ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ทั้งด้านการศึกษา การอยู่การกินการอาชีพ  การศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การแพทย์สาธารณสุข การต่างประเทศ การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมสิ่งแวดล้อมเป็นต้นเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชภารกิจในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต อาชีพ และความเป็นอยู่ของพสกนิกรผู้ยากไร้ ด้อยโอกาสขาดแคลนและประชาชนในชนบทห่างไกล

                โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานให้จัดตั้งเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนและประเทศชาติดำเนินการอยู่ทั่วประเทศ  เพื่อเป็นต้นแบบและแหล่งรายได้ แหล่งเรียนรู้ปฏิบัติในการเป็นอาชีพด้วยวิชาการที่ถูกต้องนำสู่การพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นมีความสุขอย่างยั่งยืน เริ่มด้วยโครงการส่งเสริมศิลปาชีพอันเป็นโครงการพระราชดำริที่ก่อประโยชน์ให้กับคนไทยทั้งประเทศ ทรงสร้างทั้งงานทั้งอาชีพรายได้ไปพร้อมๆกับที่คนไทยในแต่ละท้องถิ่นได้อนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยไปพร้อมๆกับการมีอาชีพมีงานทำมีรายได้เป็นไปดั่งที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยอันเกิดจากพระปรีชาสามารถและพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ซึ่งในภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ก่อตั้ง เป็นรูปมูลนิธิ พระราชทานนามว่า "มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษในพระบรมราชินูปถัมภ์" เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.. 2519 และเมื่อ พ.. 2528 ได้เปลี่ยนชื่อ เป็น มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อันเป็นการส่งเสริมอาชีพและขณะเดียวกันยังอนุรักษ์และส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้านที่มีความงดงามหลายสาขา ที่สำคัญยังเป็นการเสริมรายได้จนถึงเป็นรายได้หลักให้แก่เกษตรกรและราษฎรผู้มีรายได้น้อยอันเกิดจากวิถีอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย ซึ่งโครงการพระราชดำริดังกล่าวเป็นการปูทางสู่พัฒนาคุณภาพของฝีมือให้ดียิ่งขึ้น จนสามารถผลิตสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาด รวมทั้งสร้างสรรค์งานฝีมือชิ้นเยี่ยมไว้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ อีกทั้งยังทรงปลูกฝังสำนึกคนไทยให้เห็นความสำคัญของการฟื้นฟูรักษาทรัพยากรธรรมควบคู่กันไปด้วยผ่านอาชีพ การปั้น การทอ การจักสาน เป็นต้น 

                สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง นอกจากทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ส่งเสริมศิลปาชีพแล้ว ยังทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติมีค่าของชาติเพื่อให้คงเป็นปัจจัยสำคัญแก่สรรพชีวิตไว้โดยทรงนำพระองค์เป็นแบบอย่างฟื้นฟูป่าแหล่งน้ำ สัตว์ป่าให้คงความสมบูรณ์จากที่อดีตถูกทำลายไปอย่างมากมาย  ดังที่ทรงมีพระราชดำรัส ณ บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร 20 ธันวาคม พ.. 2525ความตอนหนึ่งว่า "... พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ ... พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า ..."เป็นที่มาของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอนุรักษ์ผืนป่าผืนน้ำมากมายที่พระราชทานไว้ทั่วประเทศ
                 โครงการพระราชดำริสวนป่าหาดทรายใหญ่

                 โครงการพระราชดำริสวนป่าหาดทรายใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตติดต่อระหว่างอำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ซึ่งมีสภาพแห้งแล้งทั้งที่แต่ก่อนแผ่นดินแห่งนี้เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่านานาชนิดแต่ได้ถูกทำลายลงไป  จนปี 2512 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินมา ณ พื้นที่แห่งนี้ ทั้งสองพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นความแห้งแล้ง จึงได้มีพระราชดำริที่จะทำการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ให้เป็นผืนดินที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีกครั้งและเพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า “แม้พื้นดินจะแห้งแล้งเพียงใดก็สามารถที่จะพัฒนากลับให้ดีได้ด้วยความตั้งใจอดทนที่จะทำการฟื้นธรรมชาติที่เสื่อมสลายไปให้กลับคืนมา”

                ปีพุทธศักราช 2526 ได้แปรสภาพเป็นโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติสัตว์ป่า และต้นน้ำลำธารตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงโดยมีชื่อว่า “โครงการพระราชดำริสวนป่าหาดทรายใหญ่ ” 

                โครงการป่ารักน้ำ
                เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.. 2525 ที่บ้านติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร พระราชทานให้จัดตั้ง “โครงการป่ารักน้ำ”ทรงเริ่มโดยการคัดเลือกราษฎรที่ยากจนที่สุด 13 ครอบครัวมาเป็นตัวอย่าง จัดที่ดินให้ราษฎรปลูกพืชหมุนเวียนและปลูกไม้โตเร็วที่ใช้ทำฟืนครอบครัวละ 3 - 5 ไร่ โดยราษฎรดังกล่าวได้รับพระราชทานเงินเดือนประจำครอบครัวละ 1,500 บาท นอกจากนี้ยังได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ฉางข้าว เรือนเพาะชำ และแหล่งน้ำ อันเป็นพระราชประสงค์ให้จัดสร้างบ้านป่ารักน้ำขึ้น เป็น "บ้านน้อยในป่าใหญ่" หรือ "หมู่บ้านป่ารักน้ำ"  ทรงชักจูงให้ชาวบ้านปลูกป่าเอง ให้รู้สึกมีความรักป่าหวงแหนป่า และรู้จักใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ จากป่าซึ่งเป็นการพัฒนาแบบยั่งยืน  พระราชทานให้จัดตั้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ ที่ บ้านถ้ำติ้ว ตำบลส่องดาว อำเภอส่องดาว  บ้านป่ารักน้ำ ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน บ้านกุดนาขาม ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ บ้านจาร ตำบลม่วง อำเภอบ้านม่วง บ้านทรายทอง ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร

                โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) . แม่ฮ่องสอน

                ในอดีตพื้นที่บริเวณปางอุ๋ง เป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม มีชาวเขาเข้ามาปลูกฝิ่นและใช้เป็นเส้นทางขนส่งยาเสพย์ติด รวมถึงลักลอบตัดไม้อย่างต่อเนื่อง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่ ทั้งปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ และจัดตั้งหมู่บ้านรวมไทยขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงชายแดน ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อดัง มีผู้ขนานนามว่า "สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย"

                โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่าง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ. นราธิวาส

                ผลจากความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่จำนวนไม่น้อยสูญเสียผู้นำครอบครัว สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงจึงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดิน และจัดทำโครงการนี้ขึ้น เพื่อพัฒนา "หมู่บ้านแม่หม้าย" แห่งนี้ ให้กลายเป็น "หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง" ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพ สามารถเลี้ยงตนเองได้ ซึ่งอาจช่วยให้ความสุขที่หายไปกลับคืนมา ปัจจุบันโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างฯ มีจำนวน 54 แห่งกระจายไปทั่วประเทศ

                โครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ

                เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2543 สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงมีพระราชดำริให้จัดทำโครงการธนาคารอาหารชุมชน (Food bank) “หนึ่งในพระราชดำริ จากป่าสู่คนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน” เนื่องจากทรงมีความห่วงใยสภาพแวดล้อมของโลก สภาพแวดล้อมของประเทศไทย จึงมีพระราชประสงค์ให้ทำการเกษตรกรรมในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน แบบหลากหลาย ทั้งพืชและสัตว์ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานราชการต่างๆและชุมชน เป็นการพัฒนาอย่างสอดคล้องในหลักการที่จะให้ “คน”ได้อาศัยอยู่ร่วมกับ “ป่า” มีการสร้างระบบนิเวศของการเชื่อมโยงห่วงโซ่อาหาร และใช้ประโยชน์จากป่าอย่างเกื้อกูลกัน ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นกับคนไทยทั้งประเทศ  มิใช่แค่ให้คนที่อาศัยอยู่ในป่าและคนที่อาศัยอยู่ในเมืองมีความสุข มีป่าไว้เป็นแหล่งอาหารและแหล่งน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ยังสามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกประการหนึ่งด้วย

            นับแต่เดือนมกราคม 2563 เป็นต้นมาประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤติใหญ่หลวงนำมาซึ่งความทุกข์ความเดือดร้อนแก่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศทุกจังหวัดทุกพื้นที่ตราบจนวันนี้ที่รุนแรงยิ่งขึ้นตามลำดับก่อทุกข์เดือดร้อนแก่คนไทยทั้งประเทศทั้งการกิน การอยู่ การตกงาน การขาดรายได้ สถานประกอบการน้อยใหญ่ต้องปิดตัว อดอยากยากจนคือวิกฤติโรคระบาดไวรัสโควิด-19ที่ประเทศทั้งหลายทั่วโลกก็ประสบวิกฤตินี้เช่นเดียวกัน เฉพาะประเทศไทยเราวันนี้มีคนติดเชื้อร้ายใกล้ล้านคนเข้าไปทุกทีแล้ว เสียชีวิตไปนับจำนวนเกินครึ่งหมื่นทั้งตายอย่างน่าอนาถอนาถา ตายในรพ. ที่ติดเชื้อป่วยยังมีชีวิตอยู่และเข้าถึงระบบการรักษาในโรงพยาบาลจำนวนเกินรับแล้วทุกโรงพยาบาล วันนี้กล่าวได้ว่าเกินกำลังรับของแพทย์พยาบาลบุคลากรทางสาธารณสุขแล้ว

                สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงด้วยทรงให้ความสำคัญกับการสาธรณสุขอันเกี่ยวโยงกับการดูแลสุขภาพของราษฎรโดยตรงด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันเกิดจากพระราชหฤทัยห่วงใยเมื่อประชาชนคนไทยต้องประสบกับทุกข์เดือดร้อนแสนสาหัสจากการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ได้พระราชทานความช่วยเหลือมาตั้งแต่ต้นคือพระราชทานเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์การสาธารณสุขให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อนำไปสู่ศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยพร้อมๆไปกับการป้องกันสุขภาพบุคลากรทางการแพทย์การสาธารณสุขให้ปลอดภัยไม่ติดเชื้อโรคระบาดโควิดด้วยเพราะบุคลากรทางการแพทย์คือบุคคลสำคัญด่านหน้าต้องสู้กับโรคร้ายป้องกันไม่ให้ลุกลามและกำจัดให้หมดไปซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนล้วนเสียสละตนเองให้กับประชาชนให้กับประเทศชาตินับแต่มกราคม2563ตราบจนปัจจุบันนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้

                 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงยึดมั่นในพระราชปณิธานที่ว่า " ทุกข์สุขของทวยราษฎร์ คือทุกข์สุขของพระองค์เอง " จึงเสด็จพระราชดำเนินไปในทุกถิ่นฐานที่ประชาชนได้รับทุกข์เข็ญโดยมิได้ทรงคำนึงถึงภยันตราย จนสามารถกล่าวได้ว่า " ไม่มีที่แห่งหนใดบนผืนแผ่นดินนี้ที่พระองค์มิได้เสด็จฯไปพระราชทานพระเมตตา "ด้วยเหตุนี้ราษฎรจึงเทิดทูนพระองค์ว่าทรงเป็น " แม่ของแผ่นดิน " ผู้ทรงเป็นรัตนนารีที่มีพระราชจริยวัตรงามเลิศ จากพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญด้วยพระวิริยะอุตสาหะมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ได้สะท้อนให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาอันเกิดจากที่ทรงรักประชาชนและรักประเทศชาติมาตลอด

                 เป็นบุญของชาติและประชาชนชาวไทย ที่มีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระแม่ของแผ่นดินผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เพียบพร้อมเป็นขัตติยรัตนนารี  ด้วยเพราะทรงยึดมั่นในพระบวรพระพุทธศาสนา ดำรงพระธรรมคุณ พระปัญญาคุณ และพระเมตตากรุณาคุณ พระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่แผ่ไพศาล ทั้งประชาชนคนไทยและชาวต่างประเทศทั่วโลกต่างชื่นชมโสมมนัสในพระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตร ทำให้พระเกียรติคุณขจายขจรไปทั้งประเทศและนานาประเทศทั่วโลก

                ในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2564ขอพระราชานุญาตอัญเชิญคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์ทั่วสากลบันดาลดลให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง สถิตเป็นมิ่งขวัญร่มโพธิ์ทองปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง ทรงมีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน 

                ขอถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

             ข้าพระพุทธเจ้าคณะผู้บริหาร ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ สำนักข่าวการศึกษา Edunewssiam.com