เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน ซึ่งประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้อนุมัติหลักการให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุ 12-18 ปี ทุกคน ทุกสังกัด รวมจำนวนกว่า 4.5 ล้านคน ในช่วงเดือนตุลาคม 2564 นี้

ทั้งนักเรียนและนักศึกษาในสังกัด ศธ., กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, โรงเรียนพระปริยัติธรรม, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียน  นักศึกษาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 29 จังหวัด ก่อน

รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า ศธ.ได้วางแผนการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนและนักศึกษาในสังกัดทั้งสถานศึกษารัฐและเอกชน ที่มีอายุ 12-18 ปี โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจ ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน ซึ่ง ศธ.ได้กำหนดให้มีการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการฉีดวัคซีน และวิธีการปฏิบัติก่อนและหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า

หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการสอบถามความยินยอมของผู้ปกครองในการให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้กำหนดแบบฟอร์มยินยอมให้เด็กในปกครองฉีดวัคซีน และให้สถานศึกษานำส่งรายชื่อ และจำนวนนักเรียนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีน เพื่อรวมรายชื่อทั้งในสังกัด ศธ.และนอกสังกัด ศธ.ไว้ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด จากนั้นจะมีการประชุมเพื่อสอบทานสรุปข้อมูลนักเรียนอายุ 12-18 ปี กับสาธารณสุขจังหวัด เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีน

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าจะเริ่มการฉีดวัคซีนให้ได้ในเดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป และจะเร่งดำเนินการฉีดให้เร็วและครอบคลุมที่สุด เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่จะถึง 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)